กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันอีกแล้วสำหรับกรณีที่บริษัทเทคโนโลยีเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ล่าสุดถึงคราวของ Amazon อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ บ้าง หลังถูกผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะ Echo กล่าวหาว่ามันลักลอบบันทึกบทสนทนาของเธอก่อนส่งไปหาผู้ใช้รายอื่น
แดเนียล ผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะ Echo ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ได้ติดต่อไปยัง Amazon เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของเจ้า Alexa ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์บนลำโพงของเธอ โดยให้เหตุผลว่าเธอถูกมันลักลอบบันทึกบนสนทนาส่วนตัว ก่อนส่งเป็นไฟล์เสียงไปหาผู้ใช้คนอื่นๆ ตามสมุดบัญชีของครอบครัว
แดเนียลให้ข้อมูลกับสำนักข่าวท้องถิ่น KIRO 7 ว่าเธอถูก Alexa แอบบันทึกบทสนทนา โดยบ้านของเธอได้ติดตั้งระบบต่างๆ เชื่อมต่อเข้ากับลำโพงดังกล่าวเพื่อควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทุกอย่าง ทั้งแสงสว่าง ระบบรักษาความปลอดภัย และระบบทำความร้อน
จนเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เธอได้รับสายจากคนรู้จักของสามีที่โทรเข้ามาเตือนด้วยความหวังดีว่าให้ถอดปลั๊กแล้วเลิกใช้งานลำโพงและ Alexa เสีย เนื่องจากบ้านของเธอกำลังถูกจารกรรมข้อมูลอยู่ โดยมีหลักฐานเป็นไฟล์เสียงบันทึกการสนทนาที่เขาได้รับ
“ฉันรู้สึกถึงการถูกรุกรานข้อมูลความเป็นส่วนตัวของฉันทั้งหมด ฉันจะไม่กลับไปเสียบปลั๊กใช้งานอุปกรณ์นั้นอีกเลย เพราะฉันไม่ไว้ใจมันอีกแล้ว”
หลังเกิดเหตุ แดเนียลได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง Amazon เพื่อให้ทีมวิศวกรผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ดำเนินการตรวจสอบข้อบกพร่องและการทำงานของสินค้า แต่เธอกลับรู้สึกผิดหวังที่ทีมงานของ Amazon เอาแต่ขอโทษเธอซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่สามารถอธิบายต้นตอหรือสาเหตุของข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังได้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากฝั่งโฆษกบริษัท Amazon พวกเขาได้ออกมาอธิบายสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่าปกติแล้วลำโพง Echo จะอยู่ในโหมดสแตนด์บาย และมักจะถูกปลุกให้ใช้งานผ่านคีย์เวิร์ดคำว่า ‘Alexa’ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ใช้อาจจะพูดคำว่า ‘ส่งข้อความ’ (send message) และ Alexa ได้ถามกลับว่าจะส่งให้ใคร
จุดนี้เองที่โฆษก Amazon บอกว่าผู้ใช้อาจจะพูดชื่อคนรู้จักของสามีออกมา และกลายเป็นว่า Echo และ Alexa อาจเข้าใจผิดคิดว่าให้ส่งไฟล์บันทึกสนทนาดังกล่าวออกไป แต่พวกเขาก็รับปากว่าจะเร่งหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เพื่อไม่ให้เกิดกรณีผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอยเดิมในอนาคต
อ้างอิง: