วันนี้ (13 พ.ย.) นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบมาตรการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นฤดูกาลท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยสถานการณ์การท่องเที่ยวเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม จำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสัปดาห์ที่แล้ว ครม. มีมติยกเว้นค่าธรรมเนียมขอรับการตรวจลงตรา หรือ Visa on Arrival (VOA) จำนวน 2,000 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ เป็นเวลา 60 วัน
ขณะที่วันนี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้เสนอ 4 มาตรการเพิ่มเติมเพื่อต่อยอด ได้แก่ โครงการ Amazing Thailand Grand Sale ‘Passport Privilege’ โดยร่วมกับพันธมิตรเจ้าของแบรนด์สินค้า ห้างสรรพสินค้า บัตรเครดิต จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสดงพาสปอร์ตให้มีการเพิ่มส่วนลด On Top หรือให้สิทธิพิเศษจากปกติที่ศูนย์การค้าให้กับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ในหมวดสินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยม เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า และแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และส่งเสริมการจัด Shopping Event ในศูนย์การค้าที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
“ขอย้ำว่ามาตรการนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่แสดงพาสปอร์ต สำหรับคนไทยก็จะเป็นสิทธิประโยชน์ที่ทางห้างเสนออยู่แล้ว” นายณัฐพรกล่าว
นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้บริการพื้นที่พิเศษเพิ่มเติมในการคืนภาษีแวต (Vat) ในพื้นที่ย่านแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งมีการเพิ่ม Fast Lane ที่สนามบินนานาชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าให้คืนภาษีเร็วขึ้น โดยมาตรการนี้จะมีเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 – 15 มกราคม 2562
ขณะที่อีก 3 มาตรการจะเกี่ยวข้องกับเรื่องวีซ่า (Visa) เรื่องแรกคือ สำหรับหนังสือเดินทางที่ขอรับการตรวจลงตราแบบสามารถเดินทางได้ครั้งเดียว (Single Entry Visa) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุล จากเดิมที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ 1 ครั้ง เป็นสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ 2 ครั้ง (Double Entry Visa) ภายใน 6 เดือน โดยคิดค่าธรรมเนียมอัตราเดิมคือคนละ 1,000 บาท
อีกมาตรการคือ การอนุญาตให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้ง (Re-Entry Permit) แบบอนุญาตครั้งเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าอยู่แล้ว
“หมายความว่านักท่องเที่ยวที่ถือวีซ่าอยู่แล้ว ถ้าเขาไปเที่ยวหาดใหญ่เสร็จแล้วเขานั่งรถออกไปมาเลเซีย ถ้าจะกลับเข้ามาเขาต้องขอวีซ่าอีกครั้ง แต่อันนี้เราให้เขากลับเข้ามาใหม่เพิ่มได้อีก 1 ครั้ง โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเป็นการส่งเสริมนโยบาย One Country One Destination”
ขณะที่อีกเรื่องเป็นการแก้ไขหลักการกฎกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ต้องขอวีซ่าอยู่แล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยทางบกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
โดยปกตินักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอวีซ่าสามารถเดินทางเข้าประเทศทางสนามบินได้ปีละกี่ครั้งก็ได้ แต่ในส่วนของการเดินทางเข้าทางบกเมื่อปี 2559 มีการออกกฎให้เข้าได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปีปฏิทิน มาตรการนี้จะยกเลิกกติกานี้ คือสามารถผ่านเข้ามาทางช่องทางบกโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งเช่นกัน เพราะในปัจจุบันมีข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ไม่ต้องขอวีซ่าอยู่แล้ว ปัจจุบันไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านเยอะมาก และส่วนใหญ่จะมาประเทศไทย เพื่อรักษาสุขภาพและช้อปปิ้ง โดยผ่านเข้ามาด้วยช่องทางทางบก แต่ถ้าเกิดให้ผ่านเข้ามาได้ปีละ 2 ครั้ง ก็จะเป็นการจำกัดรายได้จากการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยควรจะได้
สำหรับ 3 มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเกี่ยวกับวีซ่า คาดว่าจะมีผลใช้ได้เร็วๆ นี้ ส่วนมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมขอรับการตรวจลงตรา หรือ Visa on Arrival ได้ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่าจะเริ่มได้วันที่ 15 พฤศจิกายนนี้
ขณะที่มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวนี้ มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยปีนี้ในจำนวนไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วคือ 35.7 ล้านคน ขณะที่เป้าหมายปีนี้คือ 38 ล้านคน เชื่อว่าจะสามารถไปถึงได้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคมที่ผ่านมา มีจำนวน 31 ล้านคนแล้ว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
