อาหมัด ดิยัลโล จากคนที่ถูกลืมสู่คนที่ถูกจดจำ

เพราะไม่มีใครอยากเป็นคนที่ถูกลืมหรอกใช่ไหม

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ อาหมัด ดิยัลโล ตัดสินใจลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออก

เหตุผลที่แท้จริงนั้นไม่มีใครรู้ได้นอกจากเจ้าตัว แต่สิ่งที่คาดเดากันคือปีกวัย 21 ปีคนนี้กำลังเจ็บปวดจากการที่แทบไม่ได้รับโอกาสในการพิสูจน์ฝีเท้าในสนามจาก เอริก เทน ฮาก มากนัก

ในความรู้สึกแล้วเขาเองก็อดทนรอคอยโอกาสของตัวเองมายาวนานแล้ว ไม่เพียงแต่ยอมย้ายไปเล่นให้กับกลาสโกว์ เรนเจอร์ส รวมถึงซันเดอร์แลนด์ในสัญญายืมตัว แต่ยังอดทนรอโอกาสที่จะได้ลงเล่นหลังหายจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาบอสชาวดัตช์ให้โอกาสเขาลงสนามในฐานะตัวสำรองอดทนแค่เพียง 4 นัด

เวลาที่อยู่ในสนามรวมกันเพียงแค่ 98 นาที

แต่ในจำนวนนี้ ดิยัลโลทำ 1 นาทีสุดท้ายได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เมื่อเขาเป็นฮีโร่ผู้ทำประตูชัยในเกมแดงเดือด ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ดดับฝันความหวัง 4 แชมป์ของคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลได้สำเร็จ

ชื่อของ อาหมัด ดิยัลโล เป็นที่กล่าวถึงในหมู่แฟนบอลเรดอาร์มีเป็นอย่างมากในช่วงเดือนตุลาคม 2020 เมื่อถูกซื้อตัวมาจากอตาลันตา ด้วยค่าตัวถึง 37 ล้านปอนด์ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้โอกาสลงสนามแค่ 13 นัดเท่านั้น

จำนวนเงินมากขนาดนี้แลกกับเด็กวัยเพียง 18 ปีแบบนี้ นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็น ‘ทาเลนต์’ ที่สโมสรฟุตบอลสมัยใหม่ยินดีที่จะจ่ายเพื่อคว้าตัวมาก่อนแล้วขัดเกลาอีกทีให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต

โอเล กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ในเวลานั้นกล่าวยกย่องเด็กคนนี้ว่า “เขาเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดของวงการ” นั่นทำให้ใครๆ ก็คาดหวังไว้แบบนั้น รวมถึงตัวของดิยัลโลเองด้วย

ปัญหาคือชีวิตของเขาไม่ได้ราบรื่นนัก

ในช่วงแรกของดิยัลโล นอกเหนือจากปัญหาอาการบาดเจ็บรังควานแล้ว อีกหนึ่งเรื่องคือเขาปรับตัวเข้ากับการเล่นในระดับของแมนฯ ยูไนเต็ดและฟุตบอลอังกฤษยังไม่ได้ ในวัย 18 ปีกระดูกของเขาอ่อนเกินกว่าที่จะเล่นในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

นั่นทำให้หลังจากที่ได้โอกาสลงสนาม 9 นัด ทุกฝ่ายมองเห็นตรงกันว่าดิยัลโลจำเป็นต้องไปเรียนวิชา สปช. สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตกับทีมอื่นก่อน

มกราคม 2022 อดีตปีกอตาลันตาถูกส่งตัวไปให้กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ใช้งานเป็นเวลาครึ่งฤดูกาล ซึ่งเขาไม่ถึงกับทำผลงานเปรี้ยงปร้างนัก แต่อย่างน้อยก็ทำไป 3 ประตูจาก 13 เกม เรียกว่าพอโชว์ให้เห็นของดีที่มีในตัวบ้ง

แต่สัญญาณเตือนภัยตามมาในช่วงฤดูกาล 2022/23 ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ดได้ เอริก เทน ฮาก เข้ามาเป็นบอสใหญ่คนใหม่ ดิยัลโลถูกมองว่าไม่ใช่นักเตะที่เขาต้องการในทีม

นอกจาก จาดอน ซานโช และ เมสัน กรีนวูด ที่ขวางหน้าในเวลานั้นแล้ว เทน ฮากยังไปคว้าเอานักเตะลูกน้องเก่าอย่าง แอนโทนี มาจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมด้วย ทำให้โอกาสที่จะได้ลงสนามของดิยัลโลแทบไม่มี

เขาไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าการไปเก็บประสบการณ์กับทีมเล็กๆ ก่อน ซึ่งก็เป็นซันเดอร์แลนด์ที่ได้ตัวไปยืมใช้งานตลอดทั้งฤดูกาล

ช่วงเวลานั้นไม่ได้ถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายอะไรนัก เพราะ โทนี โมวเบรย์ นายใหญ่ของทีม ‘แมวดำ’ ในเวลานั้นมองเห็นศักยภาพในตัวของเด็กคนนี้

“เขาเป็นเทพในการเล่นกับบอล” โมวเบรย์กล่าว “การคอนโทรลบอลเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับอาหมัด เขาแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะเขาทำมันได้อย่างง่ายดาย และเขาก็มองเห็นช่องจ่ายบอลทันที ไหวพริบในการเล่นของเขามันน่าเหลือเชื่อมาก”

ที่สเตเดียมออฟไลต์ ดิยัลโลไม่ได้จำกัดบทบาทตัวเองแค่ตำแหน่งปีกขวาที่เป็นตำแหน่งแจ้งเกิด แต่เขาได้เล่นในบทอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งตัวทำเกม ‘หมายเลข 10’ หรือแม้แต่บางนัดก็เล่นเป็นสไตรเกอร์ด้วยซ้ำไป

“เขาเล่นทางกว้างได้ เขาเล่นตรงกลางได้ เขาถอยลงมาต่ำได้ ผมคิดว่าต่อให้เป็นกองกลางเขาก็น่าจะเล่นได้ ขอให้ส่งบอลให้เขาเถอะ เพราะเขาแทบจะไม่เสียบอลเลย”

จบฤดูกาลเขาทำไป 13 ประตูจากการลงสนาม 37 นัด เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ความสำเร็จดังกล่าวทำให้มีการคาดหวังว่าดิยัลโลอาจได้กลับมาช่วงชิงตำแหน่งจากซานโชและแอนโทนีในตำแหน่งปีกขวา (ส่วนกรีนวูดต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สเปนกับเคตาเฟแทน) แต่ความโชคร้ายยังตามมาเมื่อเกิดบาดเจ็บทำให้ต้องพักการเล่นยาวอีก

วาสนาผู้ใดหนอ? ดิยัลโลอาจคิดในใจ

มิหนำซ้ำเมื่อหายกลับมาก็แทบไม่ได้โอกาสจากเทน ฮากเลยด้วย และนำไปสู่การแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการลบรูปที่เล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดออกจากช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว

ทรงแบบนี้ชวนให้คิดได้ว่าบางทีดิยัลโลอาจไม่มีอนาคตกับแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว เขามีโอกาสจะกลายเป็นคนที่ถูกลืมจริงๆ บางทีอาจโดนปล่อยตัวทิ้งแบบถูกๆ ในช่วงปิดฤดูกาลนี้

แต่เหมือนฟ้าจะบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ง่ายๆ

ดิยัลโลได้โอกาสจากเทน ฮากให้ลงสนามมาช่วยแมนฯ ยูไนเต็ดที่ต้องสู้กับลิเวอร์พูลต่อถึงช่วงของการต่อเวลาพิเศษ ในวันที่เกมพลิกไปมาเมื่อลิเวอร์พูลที่พลาดเสียประตูตีเสมอ 2-2 ในช่วงเวลาปกติ กลับขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้ายแมนฯ ยูไนเต็ดก็ไล่ตามตีเสมอได้อีกเป็น 3-3

ความขยันทุ่มเทของปีกวัย 21 ปีคนนี้ก็นับว่าเข้าตาอยู่แล้ว แต่ในช่วงที่ทุกคนกำลังคิดถึงการดวลจุดโทษกัน

ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม ดิยัลโลปรี่เข้าไปชิงบอลจาก ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ตัดสินใจพลาดมหันต์ไม่ยอมเตะให้ขาดหรือปล่อยให้ วาตารุ เอ็นโดะ ที่เข้าถึงบอลใกล้ๆ กันเอาไปเล่น

การตัดบอลจังหวะนี้กลายเป็นการเทิร์นโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ดได้บุกในช่วงสุดท้ายของเกมแล้ว โดยบอลได้ถูกฝากเอาไว้กับ อเลฮานโดร การ์นาโช ที่ควบเอาบอลไปลากจี้ใส่ คอเนอร์ แบรดลีย์ แบ็กขวาดาวรุ่งหงส์แดงที่พยายามดักทาง

แต่เพราะความขยันของดิยัลโลที่สับเต็มฝีเท้าเติมขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้การ์นาโชทางซ้ายทำให้แบรดลีย์คนเดียวเอาไม่อยู่ สุดท้ายการ์นาโชดึงจังหวะก่อนไหลให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาในจังหวะและน้ำหนักที่พอดี

ดิยัลโลแต่งด้วยซ้ายหนึ่งจังหวะทำให้แบรดลีย์เสียหลักก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายลูกพุ่งเข้าเสาไกลไปพอดี

ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้

จากคนที่คิดว่าถูกลืมไปแล้ว กลับกลายเป็นคนที่ถูกจดจำแทน

“นี่เป็นประตูที่ดีที่สุดในชีวิตของผม คนเรามันต้องรักษาความเชื่อในทุกช่วงเวลา ผมมีความสุขมากตอนนี้” ปีกหนุ่มน้อยไอวอรีโคสต์บอกหลังจบเกม แม้ว่าด้วยอารามดีใจจะทำให้เขาลืมตัวไปว่าเขาโดนใบเหลืองไปก่อนแล้วหนึ่งใบ การถอดเสื้อฉลองประตูทำให้เขาโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงและต้องกลับเข้าห้องแต่งตัว

แต่มันไม่ได้สลักสำคัญอะไรอีกแล้ว “ชัยชนะเหนือทีมอย่างลิเวอร์พูลคือเรื่องที่สำคัญที่สุด”

สำหรับดิยัลโล นอกจากจะอยากให้ประตูนี้เป็นที่จดจำ เขาอยากให้มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่จะได้กลายเป็นคนที่เทน ฮาก หรืออาจเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเข้ามาหลังจบฤดูกาลนี้ได้นึกถึงเขาบ้าง

แม้ว่าสุดท้ายจะไม่มีใครบอกได้ว่าประตูมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปแค่ไหน

แต่อย่างน้อยที่สุดดิยัลโลก็ได้อยู่ในความทรงจำของแฟนปีศาจแดงทั่วโลกไปเป็นที่เรียบร้อย

เช่นกันกับแฟนหงส์แดงที่จำไม่ลืมเหมือนกัน

อ้างอิง: