วานนี้ (14 ตุลาคม) ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระแรก
อลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นอภิปราย ระบุว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนได้ถาม ประชาชน สื่อมวลชน และนักวิชาการ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และประเทศชาติอย่างไร
เพราะในสภาสิ่งที่พูดกันมาก คือ การฮั้ว สว. ผิดกฎหมายหรือไม่ หน่วยงานที่มีการสอบสวนมีธรรมาภิบาลหรือไม่ ทําไมต้องเริ่มการสอบสวนหลัง สว. วอล์กเอาต์ ออกจากที่ประชุมสภา สิ่งที่เกิดขึ้น มาจากรัฐธรรมนูญฉบับไหน และทําให้เกิดกระบวนการแทรกแซงทางการเมืองอย่างไร
เมื่อหน่วยงานนั้นเกิดจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ และมีการแทรกแซงทางการเมือง กฎหมายรัฐธรรมนูญจะทําให้หน่วยงานดังกล่าวมีความเป็นกลางหรือไม่
อลงกต ยังระบุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในการร่างรัฐธรรมนูญแต่ละปี อาทิ สภาสามี-ภรรยา ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งมีการแทรกแซงทางการเมือง, รัฐธรรมนูญปี 2550 สว. ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้ง และ สว. อีกส่วนหนึ่งมาจากการสรรหา ทำให้ทะเลาะกันว่าส่วนหนึ่งมาจากประชาชนและอีกส่วนหนึ่งมาจากความเชี่ยวชาญ
ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2560 สว. 50 คน มาจากการเลือกตั้ง และอีก 200 คน มาจากใคร
นอกจากนี้ ยังมีบทความหนึ่งออกโดยสถาบันพระปกเกล้า ว่า สว. ทั้ง 200 คนนี้ รวมกันเป็นกลุ่มก้อน และออกเสียงตาม นโยบายของผู้นําหรือโผของพรรคการเมือง โดยนามดังกล่าวของ สว. เรียกว่า ‘สีน้ำเงิน’ ซึ่งในบทความดังกล่าวยังระบุด้วยว่า สว. สามารถมีพรรคการเมืองสนับสนุนได้ แต่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
อลงกตระบุว่า กฎหมายสามารถแก้ไขปัญหา หรือสร้างความชอบธรรมได้ การเลือก สว. จะเอาแบบไหน จึงขอให้คิดดีๆ ก่อนที่จะมีการแก้กฎหมายในเรื่องที่มา
นอกจากนี้ ในรัฐธรรมนูญไม่มีการพูดถึง วินัย หน้าที่พลเมือง ความรับผิดชอบทางสังคม แต่กลับพูดถึงแต่สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และการเมือง ไม่มีความพยายามในการทําให้เกษตรกรมีศักดิ์ศรีดูแลตัวเองได้
ส่วน การใช้งบประมาณของประเทศ ทั้งในส่วนข้าราชการ ซอฟต์พาวเวอร์ ที่มีการใช้งบประมาณจํานวนมาก ไม่สามารถแสดงตัวเลขที่เป็นผลสําเร็จได้เลยแม้แต่โครงการเดียว ยังรวมถึงกองทุนหมุนเวียนที่มีการสอดไส้มาในงบประมาณของหน่วยงาน การใช้งบประมาณที่เหลือในแต่ละปีไปซื้อตึกหรือดูงานต่างประเทศ
หน่วยงาน ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้
สิ่งเหล่านี้กฎหมายรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขให้ตนได้หรือไม่ และส่วนตัวมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระบบ ตอ-ละ-ลิ-เย่ หรือ ระบบโกหกทั้งหมด ตนจึงอยากเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตอบโจทย์
อลงกตยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนที่ประชาชนจะลงความเห็นชอบในการทําประชามติเป็นการข้ามขั้นตอน
