“เศรษฐกิจในเวลานี้กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วหรือยัง?” ถือเป็นคำถามสุดร้อนแรงในเวลานี้ ท่ามกลางความผันผวนรุนแรงของตลาดหุ้น ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และราคาสินค้าที่แพงขึ้นจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคให้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ หากยึดตามตำรา ไม่นับอารมณ์ความรู้สึกใดๆ นักวิเคราะห์ยืนยันว่า เศรษฐกิจโลกอย่างน้อยก็ในสหรัฐฯ ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่ต้องจับตามอง ตั้งแต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ และราคาอสังหาริมทรัพย์
สำหรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต้องจับตามองก็คือทองแดง (Copper) ซึ่งราคาโลหะมีค่าดังกล่าวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 มิถุนายน) หลังจากร่วงลงมากกว่า 11% ในสองสัปดาห์ติดต่อกัน ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับนักลงทุนที่มองว่าราคาทองแดงเป็นเครื่องเตือนเศรษฐกิจโลก
เหตุผลเพราะทองแดงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นช่วงที่เศรษฐกิจมีการขยายตัว ความต้องการทองแดงย่อมเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม ความต้องการดังกล่าวจะหายไปเมื่อเศรษฐกิจหดตัว
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ราคาทองคำปรับขึ้นไป 4% หลังรัสเซียบุกยูเครน เพราะหลายฝ่ายเกรงว่ารัสซียในฐานะผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของโลกจะโดนคว่ำบาตร ทำให้ทองแดงขาดแคลน กระนั้นนักกลยุทธ์โภคภัณฑ์ชี้ว่า การที่ราคาทองแดงเริ่มปรับตัวลดลงกำลังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว
ในส่วนที่ต้องจับตามองดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ก็เพื่อดูทิศทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบรรดาบริษัทเอกชนทั้งหลายว่ามีการเพิ่มการลงทุนหรือขยับขยายกิจการบ้างหรือไม่ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าการที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและใช้นโยบายการเงินที่แข็งกร้าว ได้ทำลายบรรยากาศความต้องการขยับขยายและบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน
ขณะเดียวกัน ในส่วนของราคาบ้านที่ปรับตัวลดลง แม้จะสะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าราคาที่ปรับลดจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากธนาคารทั้งหลายมีบทเรียนจากวิกฤตการเงินในปี 2008 มาแล้ว
วันเดียวกันมีรายงานจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหางานที่ออกมาแสดงความเห็นว่า แม้หลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจะเดินหน้าประกาศปลดคนงานล็อตใหญ่ แต่ตลาดงานในแวดวงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวมยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่
โดย Daniel Zhao นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Glassdoor ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ผู้หางานใช้ในการประเมินนายจ้าง กล่าวว่า การเลิกจ้างดูเหมือนจะเฉพาะเจาะจงสำหรับธุรกิจที่อยู่ในสถานการณ์ทางการเงินที่เปราะบาง คือไม่มีกำไรและเงินทุนหมด หรือไม่มีทางดำเนินการต่อไปเพราะไม่มีเงินทุนเพิ่มเติม
แต่สำหรับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงจ้างงานและยังขาดแคลนแรงงานจำนวนมากอยู่ โดยบริษัทหลายแห่งต้องการผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล ขณะเดียวกัน หลายบริษัทที่เกี่ยวพันกับระบบนิเวศทางเทคโนโลยีขั้นสูงยังต้องการบุคลากรในตำแหน่ง HR มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจัดการงานมองว่า ตลาดงานในขณะนี้แค่อยู่ในช่วงจังหวะหยุดพัก ดังนั้นแรงงานทั้งหลายต้องเตรียมตัวเตรียมทักษะให้พร้อม
อ้างอิง: