BABA80 ซึ่งเป็น Alibaba DR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก เปิดการซื้อขายที่ 5.15 บาทต่อหน่วย สูงกว่าราคาจองซื้อที่ระดับ 5.12 บาท นักวิเคราะห์ชูจุดเด่นธุรกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป ปีนี้จะกลับมาเติบโตได้ตามปกติ ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 60% ในปีที่แล้ว
Alibaba DR ชื่อย่อ BABA80 ซึ่งเป็น DR อ้างอิงหลักทรัพย์ อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก ราคาเปิด 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 0.59% จากราคาขาย IPO หน่วยละ 5.12 บาท อย่างไรก็ตาม ราคา BABA80 ปรับลดลงต่อเนื่อง ณ เวลา 11.00 น. ราคาอยู่ที่ 4.94 บาทต่อหน่วย ลดลง 0.18 บาท หรือ 3.52%
ทั้งนี้ DR ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศของบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ออกโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า BABA80 ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกวันนี้ (23 กุมภาพันธ์)
บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นผู้นำระดับโลกด้านอีคอมเมิร์ซและมีธุรกิจในเครือหลากหลาย อาทิ ธุรกิจดิจิทัล เทคโนโลยี ธุรกิจด้านสื่อมีเดียและความบันเทิง และธุรกิจด้านโลจิสติกส์
DR BABA80 มีการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา และมีราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 5.116379 บาทต่อหน่วย
อนึ่ง Depositary Receipt (DR) เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์จากหลักทรัพย์ต่างประเทศ เปรียบเสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ DR จึงเป็นเครื่องมือในการกระจายการลงทุนไปยังหลักทรัพย์ต่างประเทศที่สะดวก โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย DR ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยเงินบาทและใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอยู่ และมีค่าธรรมเนียมเท่ากับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า อาลีบาบาจัดเป็นบิ๊กเทคคอมพานีของประเทศจีน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ธุรกิจเดิมโต 40-50% มาตลอด เว้นแต่ปีที่ผ่านมาที่โต 30-40% เพราะว่าโตจากฐานที่ใหญ่
นอกจากนี้ อาลีบาบายังมีธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจคือ Cloud Computing ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคตและเติบโตรวดเร็วมาก เฉลี่ยประมาณ 100% ต่อปี โดยในปีที่ผ่านมา อาลีบาบามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนี้ราว 8%
ขณะที่ราคาหุ้นของอาลีบาบาปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ราว 60% ในปีที่แล้ว สาเหตุมาจากการออกกฎระเบียบโดยภาครัฐเพื่อควบคุมผู้ประกอบการภาคเทคโนโลยีและควบคุมการใช้ Data จนทำให้ค่า P/E ลดลงมาอยู่ที่ 14-15 เท่า
“สำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรปี 2022 ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนมีนาคมนี้ว่า กำไรจะเติบโตประมาณ 20% และราคาหุ้นที่ปรับลดลงมากในปีนี้ที่ผ่านมา เชื่อว่า Downside Risk จำกัดมากแล้ว” จิตรากล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP