อาการบาดเจ็บกับนักกีฬาเป็นของคู่กัน แต่อาการบาดเจ็บที่รุนแรงจนทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดมากถึง 17 ครั้ง และต้องพักการเล่นนานถึง 21 เดือนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะสู้รบปรบมือกับมันไหว
และถ้าคุณมาถึงทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างการตัดขาเพื่อรักษาชีวิต กับการสู้ต่อเพื่อรักษาความฝันที่ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นอีกไหม คุณจะเลือกทางไหน?
อเล็กซ์ สมิธ ควอเตอร์แบ็กจากทีมวอชิงตัน (เรดสกินส์เดิม) ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงถึงขั้นกระดูกขาขวาหักสะบั้นทั้งท่อนของกระดูกหน้าแข้งและกระดูกน่องในเกมอเมริกันฟุตบอล NFL นัดที่พบกับฮุสตัน เท็กแซนส์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018
อาการบาดเจ็บดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้เขาต้องหยุดพักการเล่นอย่างยาวนาน แต่การรักษาเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะกับนักกีฬาที่วัยล่วงถึง 36 ปีเช่นเขา
ตลอดระยะเวลาของการรักษา สมิธต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ไม่เพียงแต่ทำให้การรักษาต้องหยุดชะงักและเริ่มต้นกันใหม่ หากแต่มันยังมีโอกาสจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของเขาด้วย
ในสิ่งที่ต้องเผชิญ ไม่ต่างอะไรจากการใช้ไม้ค้ำยันเดินเพื่อขึ้นเขาสูง สำหรับบางคนอาจจะยอมแพ้ ตัดใจ ไม่คิดอะไรมากไปกว่าการกลับมาเดินให้ได้เป็นปกติ
แต่สำหรับสมิธแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องกลับมาทำการแข่งขันให้ได้
อย่างไรก็ดี การที่ควอเตอร์แบ็กรายนี้จะกลับมาลงแข่งได้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ความท้าทายส่วนตัวสำหรับเขา หากแต่เป็นทีมแพทย์ที่รักษา ที่ต้องระดมสรรพกำลังเพื่อที่จะหาทางช่วยให้สมิธกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง
เรื่องนี้ถึงขั้นได้รับการบันทึกเป็นสารคดีในชื่อ Project 11 ซึ่งเป็นสารคดีความยาวร่วมชั่วโมงที่ออกอากาศไปแล้วที่ช่อง ESPN เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างสารคดี Project 11 ที่บันทึกเรื่องราวการต่อสู้ของ อเล็กซ์ สมิธ
สารคดีนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนใจอ่อน เอาเข้าจริงต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทนดูสิ่งที่ได้เห็นไหว
เพราะอาการบาดเจ็บของสมิธนั้นเลวร้ายมาก มากถึงขั้นที่ยากจะจินตนาการตามได้
จากอาการบาดเจ็บขาหัก สมิธคิดว่าเขาไม่น่าเป็นอะไร แค่ใส่เฝือกแล้วก็กลับบ้านได้ แต่ปรากฏว่าเขาเกิดมีไข้และอาการทรุดลงอย่างหนัก ก่อนที่แพทย์จะพบว่าบาดแผลติดเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อเป็นไปอย่างยากลำบาก
นั่นเป็นที่มาของการผ่าตัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมแล้วสมิธต้องขึ้นเขียงมากถึง 17 ครั้ง ภายในระยะเวลา 21 เดือนที่ผ่านมา
แต่ในอีกด้านหนึ่งของสารคดีเรื่องนี้ เราก็ได้เห็นความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว หัวใจนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
รวมถึงอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความรัก ความเข้าใจ และกำลังใจที่เติมมาไม่มีวันหมด ของครอบครัวที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการต่อสู้ ต่อสู้ และต่อสู้ ของสมิธ ในสงครามที่เขาเหมือนจะรบเพียงคนเดียว แต่ไม่มีสักวันที่เขาจะอยู่คนเดียว
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเอาชนะอาการบาดเจ็บของตัวเอง อาการซึ่งครั้งหนึ่งแม่ของเขาเคยปรึกษาแพทย์ผู้รักษาว่า ‘บางทีการตัดขาอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าหรือเปล่าในการรักษาชีวิตไว้?’
“ผมยังฝันที่จะได้กลับมาในจุดที่ผมเคยอยู่และลงไปอยู่ในสนามให้ได้อีกครั้ง” สมิธกล่าว “สิ่งนี้มันเหมือนเป็นการเดินทางที่บ้าคลั่งบนเส้นทางที่มีโค้งคดเคี้ยวที่เรามองไม่เห็นเต็มไปหมด เพียงแต่นั่นแหละคือเป้าหมายของผมอย่างไม่ต้องสงสัย”
ล่าสุด สมิธกลับมาฝึกซ้อมได้อีกครั้งตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา โดย เอลิซาเบธ ภรรยาของเขา ได้โพสต์วิดีโอบนอินสตาแกรม เป็นบรรยากาศการฉลองเล็กๆ ด้วยแชมเปญ เมื่อควอเตอร์แบ็กยอดนักสู้กลับจากการซ้อม “การทำงานหนักได้ผลแล้ว! มีอะไรต้องฉลองอีกเยอะในบ้านสมิธคืนนี้”
ขณะที่ทางด้าน รอน ริเวรา เฮดโค้ชของวอชิงตัน อัปเดตการซ้อมของเขาว่า “เราสังเกตได้ว่าเขาแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที การเคลื่อนที่ของเขาเริ่มกลับมาแล้ว
“แต่อยากย้ำอีกครั้งว่า เราจะไม่ส่งเขาลงสนามหรืออะไรใดๆ จนกว่าโอกาสที่เหมาะสมจะมาถึง เขาทำได้เยี่ยมมากแล้วในตอนนี้ และเราคาดหวังว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นต่อไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จังหวะที่ดี เราจะตัดสินใจอีกครั้ง”
สำหรับฤดูกาลใหม่ของ NFL จะเริ่มในวันที่ 10 กันยายนนี้ สมิธต้องเจอกับการแข่งขันที่หนักหน่วงกับ ดเวย์น ฮาสกินส์ และ ไคล์ อัลเลน ในการที่จะชิงตำแหน่งควอเตอร์แบ็กกลับมาให้ได้อีกครั้ง
แน่นอนว่ามันไม่ง่าย แต่เมื่อเทียบกับการต่อสู้ที่เขาเผชิญตลอด 21 เดือนที่ผ่านมา
แค่นี้เรื่องเล็ก!
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2020/08/17/sport/alex-smith-washington-nfl-spt-intl/index.html
- https://www.nbcsports.com/washington/redskins/project-11-was-hard-watch-anyone-who-sees-it-will-feel-inspired-alex-smith
