ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก แห่งเบลารุส กล่าวว่า การที่สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนอาวุธแก่ยูเครนนั้น เท่ากับเป็นการผลักดันให้รัสเซียหันไปใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้
“ผมมีความรู้สึกว่า ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นความคิดเห็นของผมที่ว่า สหรัฐฯ กำลังผลักดันให้รัสเซียหันไปใช้อาวุธที่น่ากลัวที่สุด สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอาวุธแก่โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และกองทัพของเขา พร้อมทั้งจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกลให้ แม้แต่ขีปนาวุธที่สามารถยิงไปได้ไกลถึง 300 กิโลเมตร” ลูกาเชนโกกล่าวระหว่างการเยือนสถานที่ทางการทหารแห่งหนึ่งในแคว้นเบรสต์ของเบลารุสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ตุลาคม)
ลูกาเชนโกเสริมว่า หากขีปนาวุธดังกล่าวโจมตีเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย มอสโกจะต้องตอบโต้ พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ชาวอเมริกันไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย “เพราะพวกเขาอยู่คนละฝั่งของมหาสมุทร”
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของลูกาเชนโกมีขึ้น 1 วันหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่มอสโกจะเพิกถอนการให้สัตยาบันในสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty Organization: CTBTO)
ด้านวยาเซียสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมาของรัสเซีย ได้ออกมาขานรับถ้อยแถลงของปูติน โดยกล่าวว่า สภาดูมาจะหารือประเด็นการเพิกถอนการให้สัตยาบันสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์ในการประชุมครั้งหน้า
ขณะเดียวกันผู้นำเบลารุสยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ อาจพิจารณาตัดความช่วยเหลือแก่ยูเครนว่า ท่าทีดังกล่าวเป็นสัญญาณให้ยูเครนรีบเร่งขยายขอบเขตของการโจมตีโต้กลับ และส่งคนหนุ่มไปร่วมรบมากขึ้น
“ตอนนี้มันปรากฏอยู่ทุกสื่อ พวกเขาตำหนิเซเลนสกีที่โต้กลับช้า ทำให้การโต้กลับไม่ประสบผลสำเร็จ” ลูกาเชนโกกล่าว โดยอ้างว่า “มีเพียงกลุ่มชายชราเท่านั้นที่เข้าร่วมการสู้รบ”
ลูกาเชนโกวิเคราะห์สาเหตุว่าทำไมสหรัฐฯ จึงต้องการให้ยูเครนเร่งตอบโต้กลับ โดยเขาอ้างว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถใช้ชัยชนะของยูเครนในสนามรบเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตนเอง
“ด้วยสถานการณ์ทางการเมือง สงครามครั้งนี้จึงไม่ได้เพิ่มอำนาจให้กับไบเดนและรัฐบาลสหรัฐฯ ไบเดนแพ้แล้วในผลสำรวจทุกโพล เขาจึงต้องการชัยชนะบางอย่าง” ลูกาเชนโกกล่าว
ภาพ: Contributor / Getty Images
อ้างอิง: