วันนี้ (25 สิงหาคม) นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค ชี้แจงประเด็นที่เป็นกระแสข่าวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าถูกดำเนินคดีในความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และถูกปรับเงินจำนวน 17,000 บาท โดยในวันที่พนักงานเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบไม่มีการแจ้งข้อกฎหมายหรืออธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบ รวมถึงความผิดที่พบเป็นเพียงรายการอาหารและเครื่องดื่มที่ระบุชื่อยี่ห้อและราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องมีการชำระค่าปรับ
นพ.นิพนธ์ กล่าวว่าทางกรมควบคุมโรคขอให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้ว่าทาง สคอ. ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านระบบสารสนเทศเพื่อเฝ้าระวังการละเมิดกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (TAS) เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 ร้านค้าดังกล่าวมีการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด พบสื่อโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก เช่น ป้ายไฟ ตู้แช่ เมนูอาหาร สติกเกอร์ติดฝาผนังรอบร้าน และสาวเชียร์เบียร์ ไม่ใช่เพียงแค่เมนูอาหารที่มีภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่เจ้าของร้านกล่าวอ้าง อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพและวิดีโอในวันที่ลงตรวจสอบด้วย โดยมีการแสดงบัตรประจำตัว แจ้งวัตถุประสงค์ พร้อมชี้แจงข้อกฎหมายให้เจ้าของร้านรับทราบตามขั้นตอน
ดังนั้นการที่เจ้าของร้านให้สัมภาษณ์ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่บอกเพียงแค่ว่าเป็นความผิดโดยไม่ได้อธิบายข้อกฎหมายจึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าของร้านได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบด้วยว่าสื่อโฆษณาที่ติดตั้งอยู่ภายในร้านได้รับมาจากตัวแทนของผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นพ.นิพนธ์ กล่าวต่อไปว่าผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารไม่ควรรับสื่อโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงสื่อโฆษณาแฝงรูปแบบต่างๆ มาไว้ในร้าน เพราะหากมีการร้องเรียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบพบว่ามีสื่อโฆษณาดังกล่าวภายในร้านก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ โดยเฉพาะปัจจุบันมีระบบสารสนเทศเพื่อเฝ้าระวังการละเมิดกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ TAS ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นการกระทำความผิดก็สามารถร้องเรียนผ่านระบบดังกล่าวได้ จึงอยากขอให้ร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมาย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
