×

เอกนัฏยืนยันลาออกเลขาฯ พรรค ไร้ขัดแย้งพีระพันธุ์ ยอมรับคุยอนุทิน แต่เหนื่อยแล้วไม่ขอเป็นรัฐมนตรีไปตลอดชาติ

โดย THE STANDARD TEAM
17.09.2025
  • LOADING...
akanat-promphan-resign-rtsct

วันนี้ (17 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ ได้ยื่นหนังสือเพื่อลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งได้พูดคุยกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับพีระพันธุ์ และมองว่าพีระพันธ์ุเป็นนักการเมืองน้ำดีคนหนึ่ง 

 

อย่างไรก็ตาม ในบทบาทของตนเองที่ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคและกรรมการบริหาร ในภายหลังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งได้นำไปปรึกษากับพีระพันธ์ุแล้ว แต่หากจะให้ทำงานต่อในสภาวะความคิดเห็นที่แตกต่างกัน คาดว่าจะไม่เป็นผลดีต่อพรรค จึงยินดีลาออกเพื่อให้กรรมการบริหารพรรคมีเอกภาพมากกว่านี้ 

 

แง้มภูมิใจไทยอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง

 

ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพร่วมรับประทานอาหารร่วมกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นั้น เอกนัฏกล่าวว่า ได้พูดคุยกับอนุทินตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน 2 ปี โดยอนุทินเป็นคนขออนุญาตมาพูดคุยด้วย ส่วนที่มีหารือในวงว่า ชุมพล จุลใส พร้อมด้วยกลุ่ม สส. บอกว่าอยากไปทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ตนเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร โดยเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ก็ได้ส่งต่อให้กับทางอนุทินเรียบร้อยแล้ว และก็ขอให้พรรคภูมิใจไทยดูแล สส. ด้วย

 

“จริงๆ ถ้าผมจะทำการเมืองต่อ พรรคภูมิใจไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จุดยืนไม่ต่างกัน ที่อยากทำงานปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ ผมว่าอยู่ในใจผมอยู่แล้ว แต่รายละเอียดการทำงานก็ต้องให้โอกาสผมตัดสินใจพิจารณาก่อน เป็นเพราะผมไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ” เอกนัฏกล่าว

 

ส่วนกระแสข่าวที่จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยนั้น เอกนัฏกล่าวว่า ทุกอย่างก็อาจจะหมด วันนี้ตนเองยังเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ยืนยันยังไม่ไปไหน เป็นเพียงการลาออกจากกรรมการบริหารพรรค แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ตนเองอาจจะหยุดและไปทำอย่างอื่นก็ได้ เพราะมีเอกชนมาทาบทามตนเองเยอะ หลังจากที่ใช้ชีวิตด้านการเมืองมากกว่า 20 ปี ถ้าเบื่อก็อาจจะไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ขัดข้อง ซึ่งเรื่องการตัดสินใจค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้ทางเลือกยังมีอีกหลายทาง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ได้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นพรรคซึ่งอยากให้รอฟังเพราะว่าเป็นพรรคเดิมที่ตนเคยอยู่มาก่อนยังมีความรักและความผูกพัน

 

ไม่ได้แตกหัก แต่เพื่อความชัดเจน

 

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าถึงจุดแตกหักอวสานของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว เอกนัฏกล่าวว่า ไม่อยากให้คิดเช่นนั้น ย้ำว่ายังรักพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ อยากให้มีพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ไม่อยากให้มองว่าจะทำให้พรรคแตก การที่ลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเสียงของกรรมการบริหารที่แตกออกเป็น 2 ข้าง และไม่ใช่ครั้งแรก มีหลายเรื่อง คิดว่าทำให้ตรงไปตรงมา ขยับออกให้ชัดเจนดีกว่า 

 

”ผมยังรักและผูกพันกับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ พูดตามตรงเป็นไปได้ไม่ได้อยากไปไหนเลย แม้ว่าวันนี้จะออกจากกรรมการบริหารพรรค ก็ยังไม่ได้อยากไปไหน ขอให้เวลาตัดสินใจหน่อย” เอกนัฏกล่าว

 

ส่วนกระแสข่าวว่าจุดที่ทำให้พรรคแตกหักนั้น มาจากการโหวตนายกรัฐมนตรี เอกนัฏกล่าวว่า ไม่ได้อยากพูดให้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เอาเป็นว่าไม่มีฝั่งไหนที่คิดผิดหรือถูกในทางการเมือง แต่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ในเรื่องของการแสดงจุดยืน สำหรับตนคิดว่าทุกคนต้องมีความชัดเจนในจุดยืน 

 

“ผมไม่ชอบทำอะไรที่เก้ๆ กังๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งในกรรมการบริหารที่คิดว่าควรจะงดออกเสียง แต่ผมคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยุบสภาก็ไม่ได้ แล้วต้องเลือกซ้ายหรือขวานั้น ผมจะไม่ใช่ประเภทที่ทิ้งไว้ระหว่างทางหรืออยู่ตรงกลาง ผมคิดว่าต้องไปทางใดทางหนึ่ง จึงโหวตให้คุณอนุทิน แต่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล คล้ายกับพรรคประชาชน ไม่ได้มีการไปต่อรองเรื่องตำแหน่ง และผมพูดในที่ประชุมกรรมการบริหาร รวมถึงที่ประชุมสส. ชัดเจนว่า การตัดสินใจที่โหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการตัดสินใจที่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับการไปรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในกรรมการบริหารก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่บางครั้งเวลาที่มีจุดยืนทางการเมืองที่มีความสำคัญ และมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน คงจะไม่เป็นผลดี ผมคิดว่าคนใดคนหนึ่งต้องไขก๊อก หากไม่มีใครออก ผมก็ยินดีที่จะออก ไม่ได้ติดอะไร”

 

ขณะที่โผ ครม. ที่มี สส. ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมเป็นรัฐมนตรีด้วย มั่นใจในคุณสมบัติหรือไม่ เอกนัฏกล่าวว่า ขอไม่วิจารณ์ดีกว่า ย้ำว่าตนเองยังเป็น สส. อยู่ และการโหวตไม่ใช่เป็นการเข้าร่วมรัฐบาล จริงๆ วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน ฉะนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่   

 

ส่วนหากผู้ที่มีรายชื่อไปร่วมเป็นรัฐมนตรีไม่ผ่าน และมีการทาบทาม พร้อมที่จะไปเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เอกนัฏกล่าวว่า “เหนื่อยแล้วครับ ผมพูดจริงๆ ว่าอีกแค่ 4 เดือน ก็จะไปเลือกตั้ง สำหรับผมที่คิดอยู่คือการมองข้ามช็อตไปการเลือกตั้งว่า เราจะขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างไรให้เป็นที่พอใจของประชาชน และ 1 ปีที่ผ่านมากับการเป็นรัฐมนตรีผมพอใจแล้ว หากคิดว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่อเรื่อยๆ เป็นรัฐมนตรีตลอดปีตลอดชาติ เป็นไปไม่ได้ ผมได้ทำแล้วหลายเรื่อง ผมไม่คิดว่าหากมีโอกาสกลับไปเป็นรัฐมนตรี ผมพอใจแล้วกับ 1 ปีที่ผมทำ และจะทำหน้าที่ สส. ให้ดีที่สุด ผมยังมีภารกิจคือดันร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ให้สำเร็จในสภาชุดนี้”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising