ในยุคที่ประสิทธิภาพของ AI พัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลายๆ ประเทศทั่วโลกต่างก็เล็งเห็นถึงความสำคัญ ร่วมผลักดันให้ AI ได้เข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจมากขึ้น แต่รู้ไหมว่า ในประเทศไทยเรา มีองค์กรเพียง 26% เท่านั้นที่นำมาประยุกต์ใช้เป็นกลยุทธ์หลักขององค์กรจริงๆ
แม้จะเป็นตัวเลขที่น้อยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่บริษัทต่างๆ ได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การทำงานสอดคล้องไปกับความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ การประยุกต์ AI เข้ากับการขับขี่บนท้องถนน ทั้งเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถยนต์ให้มากขึ้นนั่นเอง แล้ว AI จะเข้ามาช่วยงานในรูปแบบไหนล่ะ?
คำตอบคือ Video Analytics หรือการวิเคราะห์ผ่านวิดีโอ ที่ AI จะช่วยตรวจสอบผู้ขับขี่ยานพาหนะว่า พฤติกรรมของเขามีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติหรือไม่ โดยพฤติกรรมที่ว่าจะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ลักษณะด้วยกัน คือ
- ความง่วง เช่น การหาว ตาค้าง หรือหลับตา
- การขับรถเกินความเร็วที่กำหนด
- การเสียสมาธิ เช่น การคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ และการเหม่อมองนอกเส้นทางนานเกินไป
เมื่อไรที่ AI ตรวจพบว่า พฤติกรรมของผู้ขับขี่สอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงเหล่านี้ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้คนขับได้รู้ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรถ ให้ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงนี้ เพื่อจะได้หาทางป้องกันก่อนที่อุบัติเหตุจะทันเกิดขึ้น
การทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และ AI นี่เอง ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกๆ วัน โดยเฉลี่ยแล้วมีคนไทยถึง 66 คน เสียชีวิตบนท้องถนน ตัวเลขนี้ถือว่าสูงอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเดินทางข้ามจังหวัดที่ระยะทางค่อนข้างไกล ซึ่งเสี่ยงที่คนขับจะเกิดความอ่อนล้า หรือขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงกว่ากำหนด เส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง ซึ่งเป็นถนนสายยาวกว่า 180 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมต่อเมืองหลวงกับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญทางฝั่งตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางที่แต่ละวันมีรถยนต์สัญจรเป็นจำนวนมาก ทั้งด้วยปริมาณและความเร็วของผู้ขับขี่ที่ต่างก็รีบเร่งให้ถึงที่หมาย การต้องเดินทางบนถนนสายนี้เป็นประจำจึงเท่ากับการต้องคอยแบกรับความเสี่ยงที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ด้วยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC มีสำนักงานทั้งในกรุงเทพฯ และระยอง ทำให้ในแต่ละปีมีพนักงานของ GC ต้องเดินทางระหว่างเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำ ผ่านรถตู้ที่บริษัทจัดเตรียมให้ เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ GC จึงได้ร่วมมือกับ Microsoft และ Frontis เพื่อนำนวัตกรรม Video Analytics มาใช้ภายในองค์กร
ชัชวลิต ธรรมสโรช ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานบริหารทั่วไปของ GC กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดี เราได้ตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง โดยเป้าหมายสูงสุดคือ ต้องไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในทุกพื้นที่โรงงาน สำนักงาน และเขตอุตสาหกรรมของเรา ตลอดจนความปลอดภัยของบุคลากรทุกคน การนำระบบ AI นี้มาใช้งาน ไม่เพียงทำให้เกิดประโยชน์กับบริษัทเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความอุ่นใจให้กับครอบครัวของพนักงานทุกคน ที่ต่างก็ต้องการให้สมาชิกของครอบครัวได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน เราเชื่อว่า ความมุ่งมั่นและแรงสนับสนุนจากทีมงานของเรา ผนึกกับศักยภาพของ AI จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ไปได้ด้วยดี”
นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย สร้างความอุ่นใจให้กับพนักงาน และยกระดับความมั่นคงภายในองค์กรเท่านั้น แต่ GC เองยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้องค์กรต่างๆ รวมถึงสังคม ได้เปิดรับนวัตกรรมนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับท้องถนนของประเทศไทยอีกด้วย
ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นับเป็นช่วงเวลาที่ถนนมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดเนืองแน่นไปด้วยยานพาหนะมากเป็นพิเศษ โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็ยิ่งสูงขึ้นตาม นอกเหนือจากความระมัดระวังในการขับขี่ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของมนุษย์ อาจถึงเวลาที่เทคโนโลยีควรเข้ามามีบทบาทในการเพิ่มความปลอดภัยของทุกชีวิตเสียที
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล