×

AI in Education พลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัล เพื่อคนไทยกว่า 1 ล้านคน

โดย THE STANDARD TEAM
09.06.2025
  • LOADING...
ภาพบรรยากาศงานเปิดตัวโครงการ AI in Education โดยกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับไมโครซอฟท์ ประเทศไทย

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของชีวิตมนุษย์ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ AI ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเปลี่ยนแปลงโลก ในแวดวงการศึกษาเอง การนำ AI เข้ามาใช้ในการเรียนรู้ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาเสริมบทเรียน แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีสอน และวิธีเรียนรู้ในระดับรากฐานด้วย

 

ในประเทศไทยนั้น ระบบการศึกษากำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ตั้งแต่ความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสทางการศึกษา คุณภาพการเรียนการสอน ไปจนถึงความพร้อมในการผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์โลกอนาคต 

 

คำถามสำคัญต่อมา แล้วจะใช้ AI เพื่อช่วยยกระดับการศึกษาไทยได้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นเครื่องมือที่สร้าง ‘โอกาส’ แทนที่จะสร้าง ‘ช่องว่าง’ ทางการศึกษา

 

ทำให้ในวันนี้ (9 มิถุนายน) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเปิดตัวโครงการ ‘THAI Academy – AI in Education’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘THAI Academy’ เพื่อยกระดับการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับคนไทยกว่า 1 ล้านคนภายในปี 2568 

 

โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติระบบการศึกษาของประเทศไทย โดยมุ่งวางรากฐานและการเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตด้าน AI ให้กับคนไทยทุกช่วงวัย เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

 

รัฐบาลไทยมุ่งที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมดิจิทัลที่มีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยี AI อย่างทั่วถึงและยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ การนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 

 

รัฐบาลมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ทำงานเชื่อมโยงกัน โดยตั้งใจจะผลิตบุคลากรเฉพาะด้าน AI มากกว่า 30,000 คน และพัฒนาทักษะการใช้งานในประชาชนทั่วไปอย่างน้อย 10 ล้านคนภายในปี 2570 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ 

 

แผนการขับเคลื่อนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการ AI แห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา โดยเน้นการสร้างทักษะ ‘3+1 ภาษา’ ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาดิจิทัล เพื่อให้เยาวชนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานในยุคดิจิทัล การดำเนินงานนี้สอดคล้องกับ 5 เสาหลักของยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติทั้ง 5 ด้าน 

 

  1. การส่งเสริมจริยธรรมและกฎหมายด้าน AI
  2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
  3. การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการศึกษา
  4. การวิจัยและนวัตกรรม AI
  5. การส่งเสริมการใช้ AI ในภาคเศรษฐกิจและสังคม

 

ทั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกันคือการยกระดับประเทศสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านเทคโนโลยีและการเรียนรู้แห่งอนาคต

 

กระทรวงศึกษาธิการได้ต่อยอดแนวคิด ‘Anywhere Anytime Learning’ ผ่านแพลตฟอร์มการศึกษาระดับชาติ (National Digital Learning Platform: NDLP)โดยนำเนื้อหาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์มาบูรณาการในรูปแบบที่กระชับ เข้มข้น และต่อเนื่อง 

 

ในระยะแรกนี้โครงการมุ่งเน้นการสร้างทักษะให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกว่า 600,000 คนทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนา NDLP ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการนำ AI Chatbot และ AI Agent มาให้บุคลากรทางการศึกษาใช้งานเพื่อปรับบทเรียนให้เหมาะสมกับผู้เรียน 

 

พล.ต.อ. เพิ่มพูน กล่าวว่า ความร่วมมือในโครงการ AI in Education นี้ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีเข้ามาเติมเต็ม แต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ยกระดับทั้งผู้เรียนและผู้สอนทั่วประเทศ เชื่อว่า AI จะช่วยให้เด็กไทยเข้าถึงทักษะที่พวกเขาสนใจอยากเรียน ส่วนครูเองก็มีเครื่องมือที่พร้อมสนับสนุนให้การสอนมีคุณภาพ ทันสมัยและเท่าเทียม เพื่อให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลาอย่างแท้จริง

 

หลักสูตรที่รัฐบาลร่วมมือกับไมโครซอฟท์ดังกล่าว เปิดโอกาสให้นักเรียน-นักศึกษาและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ AI ได้ฟรี ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง ภายใต้โครงการ Developer AI Skills Journey เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถเข้าสู่อาชีพที่กำลังเติบโตในอนาคต เช่น วิศวกร AI นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้าน Prompt Engineering 

 

นอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาระบบ Micro-credentials ที่ช่วยให้นักศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชาสามารถเลือกเรียนทักษะ AI ที่ตนเองสนใจ เพื่อพัฒนาความรู้และสะสมเป็นหน่วยกิตในรายวิชาศึกษาทั่วไป ผ่านแพลตฟอร์ม GETS ซึ่งได้นำเนื้อหาจากหลักสูตรของไมโครซอฟท์มาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการเรียนรู้ โดยตัวอย่างหลักสูตร เช่น AI Skills for Everyone ที่วางรากฐานเกี่ยวกับความเข้าใจปัญญาประดิษฐ์สำหรับผู้เริ่มต้น หรือ Azure AI: Zero to Hero เพื่อการพัฒนา AI ในระดับสูง เป็นต้น 

 

ด้าน ศ. ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ การพัฒนากำลังคนจึงต้องทันกับความเปลี่ยนแปลง กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการปั้นคนไทยในระดับอุดมศึกษาให้มีทักษะที่ตลาดต้องการผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยไม่จำกัดอายุหรือสถานะทางการศึกษา ความร่วมมือในวันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของระบบที่ทุกคนจะมีสิทธิ์เข้าถึงความรู้ใหม่ และสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้

 

นอกจากนี้ กระทรวง อว. ได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการศึกษาทั่วไปและการพัฒนาทักษะข้ามสายงานในสถาบันอุดมศึกษา (GETS) ขึ้น เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งของทรัพยากรบุคคลให้มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และเป็นแพลตฟอร์มรองรับโครงการความร่วมมือนี้ต่อไปในอนาคต

 

สำหรับโครงการ THAI Academy ที่ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับรัฐบาลไทยและพันธมิตรกว่า 35 องค์กร เพื่อพัฒนาทักษะ AI ให้กับคนไทย 1 ล้านคนภายในปี 2568 โดยมีโครงการย่อยและรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

 

  1. เพื่อขับเคลื่อนหน่วยงานภาครัฐให้ใช้ประโยชน์จาก AI: ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบรายการ (ก.พ.ร.) และสำนักพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร. / DGA) พัฒนาทักษะ AI ให้ข้าราชการกว่า 100,000 คน รวมถึงจัดกิจกรรม ‘Tech for Gov – Next Gen Gov AI Training Program’ ให้บุคลากรจากภาครัฐทุกหน่วยงานเรียนรู้และนำเสนอแนวคิดการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ 

 

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เสริมทักษะ AI ให้กับวิทยากรและข้าราชการกว่า 2,000 คน เพื่อกระจายความรู้สู่แรงงานไทยและผู้ที่กำลังมองหางานรวมกว่า 100,000 คน และร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และ AI ให้กับบุคลากร และตัวแทนจากองค์กรโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ รวม 368 คน ควบคู่ไปกับการจัดอบรมให้นักเรียนนักศึกษากว่า 10,000 คน

 

  1. ปลดล็อกศักยภาพ AI เพื่อภาคการศึกษา: ไมโครซอฟท์ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาทักษะ AI แก่บุคลากรครูไอที 5,855 คน และครูอาชีวศึกษา 1,000 คน ซึ่งจะถ่ายทอดความรู้ต่อไปยังนักเรียนกว่า 430,000 คน และนักเรียนอาชีวะ 82,250 คน รวมถึงจับมือกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) บรรจุเนื้อหาจากหลักสูตรพื้นฐานด้าน AI ของไมโครซอฟท์ไว้ในหลักสูตร AI Literacy สำหรับนักเรียนประถมและมัธยม

 

  1. เติมพลังให้ผู้ประกอบการเติบโตแบบติดปีกด้วย AI: โดยการร่วมมือกับสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสามารถให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยกว่า 20,000 คน รวมถึงจัดงาน SMEs AI Skills Summit เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ประกอบการที่ใช้งาน AI ในองค์กร นอกจากนี้ ยังร่วมกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนในภาคการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะ AI เพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

 

  1. เสริมโอกาสการเรียนรู้และทำงานให้ทั่วถึงและเท่าเทียม: ร่วมมือกับ depa เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาแรงงานสายเทคในด้าน AI โดยเฉพาะ และร่วมกับ BDE และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝึกทักษะ AI ให้กับทีมงานผู้ดูแลศูนย์ ICT Learning Center 1,722 แห่งทั่วประเทศ เพื่อกระจายความรู้ต่อไปยังประชาชนอีกกว่า 250,000 คน

 

ขณะที่ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้คือจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานด้านการศึกษาที่แข็งแกร่ง โดยนำทักษะ AI มาให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ 

 

ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับทักษะภาษา การลดช่องว่างระหว่างผู้สอนและผู้เรียน รวมถึงส่งเสริมประเทศไทยให้ยกระดับจากการเป็นผู้ใช้งานไปสู่ผู้สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพครูด้วยทักษะ AI ตั้งแต่ระดับพื้นฐานและขั้นสูง และในอนาคต เรามีการวางแผนระยะยาวร่วมกันเพื่อสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย

 

ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI Skills Navigator ซึ่งรวบรวมหลักสูตรและเนื้อหาด้าน AI เป็นภาษาไทยจากไมโครซอฟท์รวมกว่า 200 หลักสูตร ตั้งแต่หลักสูตรขั้นพื้นฐานสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับสายอาชีพและตำแหน่งงานเฉพาะทาง โดยผู้สนใจสามารถเรียนรู้ได้ที่ https://aiskillsnavigator.microsoft.com/th-th โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

นอกจากนี้ โครงการ THAI Academy – AI in Education ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาทักษะ AI เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา อาชีวศึกษา ไปจนถึงการเรียนรู้นอกระบบ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวง อว. ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาคลังหน่วยกิตกลาง (National Credit Bank System) ซึ่งจะเป็นระบบที่รวบรวมผลการเรียนรู้ในทุกช่วงวัยเข้าสู่ฐานข้อมูลเดียว และยังมีแอปพลิเคชัน Portfolio ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถวางแผนเส้นทางการศึกษาและอาชีพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

NDLP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับชาติที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยเนื้อหาที่รองรับทั้งผู้สอนและผู้เรียนให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) และเป็นศูนย์กลางการจัดการความรู้ระดับชาติ เชื่อมต่อข้อมูลจากสถานศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งในและนอกระบบ 

 

แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาหลักของทั้งครูและนักเรียน โดยครูจะได้รับการสนับสนุนผ่านเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงาน และมีระบบที่ช่วยจัดทำแผนและสื่อการสอนที่ตรงกับหลักสูตรได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ส่วนนักเรียนก็สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีคุณภาพ เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ในพื้นที่ที่มีอินเทอร์เน็ตจำกัด รวมถึงกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่ปรับแต่งได้เฉพาะบุคคล

 

NDLP ประกอบด้วย 5 โมเดลหลัก ได้แก่

 

  1. ระบบบริหารจัดการผู้ใช้งาน (UsMS)
  2. ระบบสนับสนุนครูผู้สอน (TeMS)
  3. ระบบสนับสนุนผู้เรียน (EdMS)
  4. ระบบบริหารจัดการการเรียนรู้แห่งชาติ (NLMS)
  5. ระบบบริหารจัดการเนื้อหาองค์ความรู้แห่งชาติ (NCMS) 

 

ปัจจุบัน NDLP รองรับการเชื่อมต่อฐานข้อมูลจากระบบส่วนกลาง เช่น ระบบ DMC ที่มีข้อมูลนักเรียนกว่า 540,000 คน และระบบ HRMS ที่มีข้อมูลครูกว่า 59,000 คน รวมถึงข้อมูลสถานศึกษากว่า 1,000 แห่ง โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งแบบอัตโนมัติและแบบ Manual

 

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง อว. และภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการใช้ AI เพื่อการเรียนรู้ในสังคมไทย นอกจากนี้ทั้งสองกระทรวงยังมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย หรือภาคอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันพัฒนาการศึกษาอย่างเท่าเทียม และนำไปสู่สังคมดิจิทัลที่มีศักยภาพ

 

AI มีบทบาทอย่างไรต่อการศึกษาไทย

 

ในภาคการศึกษานั้น AI เพิ่งจะเริ่มมีบทบาทสำคัญทั้งกับครูและนักเรียนไม่นาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ChatGPT ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนและนักศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยสรุปเนื้อหาการเรียน อธิบายสิ่งที่เราไม่เข้าใจในห้องเรียนเพิ่มเติม และสามารถหาคำตอบในการบ้าน หรือแม้แต่ช่วยแปลภาษา

 

ครูผู้สอนก็ได้รับประโยชน์จากการใช้ AI เช่นกัน โดยสามารถช่วยสร้างสื่อการสอน ตรวจการบ้าน หรือสรุปผลคะแนนของนักเรียน ซึ่งช่วยลดภาระงานลงอย่างมาก ทำให้ในปัจจุบันเทคโนโลยี AI กลายเป็นเพื่อนสนิทที่ช่วยสร้างทางลัดในการศึกษาของทั้งผู้เรียนและผู้สอนให้สะดวกสบายมากขึ้น

 

ในขณะเดียวกัน หากพึ่งพา AI ในการทำงานมากเกินไป ก็จะทำให้ไม่เกิดการคิดและวิเคราะห์ด้วยตนเอง จนขาดการพัฒนาทักษะต่างๆ ที่จำเป็น รวมถึงขาดแรงจูงใจในการเรียนด้วยตนเอง เพราะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยทำการบ้านได้ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนหรือให้ความสำคัญกับผู้สอนมากนัก 

 

ในประเด็นนี้ พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวว่า การใช้ AI จะเป็นเครื่องมือช่วยให้การเรียนการทำงานต่างๆ เร็วขึ้น แต่ก็ต้องมีทักษะกระบวนการพื้นฐาน เหมือนในอดีตที่เราเชื่อว่าถ้าให้เด็กใช้เครื่องคิดเลขเลยก็จะขาดทักษะ ซึ่งมันไม่ถูก ต้องสอนให้รู้กระบวนการ แต่ก็ต้องให้ใช้เครื่องคิดเลขได้ด้วยเพื่อให้งานเร็วขึ้น อย่าไปปิดกั้น

 

เกิดความเหลื่อมล้ำ?

 

แม้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเริ่มมีบทบาททางการศึกษาและได้รับการส่งเสริมจากหลายๆ องค์กร แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเหลื่อมล้ำในการศึกษาให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ในประเทศไทยยังมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะโรงเรียนตามพื้นที่ห่างไกล เช่น พื้นที่ต่างจังหวัดหรือบนดอย รวมถึงบางแห่งก็ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนได้ใช้เรียนรู้เลยด้วย ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่สามารถนำ AI มาใช้ในการพัฒนาการศึกษาได้ 

 

ส่งผลทำให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนเขตเมืองหรือโรงเรียนเอกชนมีข้อได้เปรียบในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มากกว่า และความเหลื่อมล้ำนี้ยังขยายช่องว่างทางโอกาสในการศึกษาให้กว้างขึ้นอีกด้วย

 

โครงการ THAI Academy – AI in Education เปิดโอกาสให้นักเรียนหรือประชาชนทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต แต่ในบางครอบครัวยังไม่มีแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการใช้เรียนรู้ 

 

นี่จึงอาจเป็นความท้าทายหนึ่งของโครงการความร่วมมือของรัฐบาลไทยและไมโครซอฟท์ ที่ต้องหาทางลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชน เพื่อให้แผนการพัฒนาการเรียนรู้ดังกล่าวเป็นไปได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมสำหรับทุกคน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising