จากรายงานงบการเงินที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (24 ตุลาคม) พบว่า ผลประกอบการของ Microsoft ดีเกินคาดจากอานิสงส์ของ Generative AI ขณะที่ Google ยังคงต้องต่อสู้กับการเติบโตที่ลดลงในธุรกิจหลัก จากการที่บริษัททุ่มเงินให้แก่เทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้
งบการเงินที่สวนทางกันระหว่างสองคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีตอกย้ำการเป็นผู้นำของ Microsoft ในการแข่งขัน AI ช่วงแรก ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัวของ ChatGPT เมื่อปลายปีที่แล้ว
หุ้น Microsoft พุ่งขึ้น 4% ตอบรับข่าวผลประกอบการ ดันมูลค่าตลาดตามราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่นั่นกลับเป็นมูลค่าเดียวกันกับที่ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ต้องสูญไป หลังราคาหุ้นร่วงลง 6%
สิ่งที่พลิกผันกันระหว่างสองบริษัทบิ๊กเทคคือธุรกิจคลาวด์ โดย Microsoft รายงานการเติบโตสูงกว่าคาดจากธุรกิจคลาวด์อย่าง Azure หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่า Azure จะเติบโตชะลอตัวลง จากที่เติบโต 27% ในไตรมาสก่อนหน้า แต่รายงานการเติบโตล่าสุดกลับดีดตัวขึ้นมาเป็น 29% ซึ่งช่วยให้รายได้และกำไรโดยรวมของ Microsoft ดีกว่าที่คาดไว้
รายงานระบุว่า รายได้ของ Microsoft เพิ่มขึ้นเกือบ 13% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสนี้ ทำได้ 50,120 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 22,290 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% จาก 17,560 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
สัตยา นาเดลลา ผู้บริหารระดับสูงของ Microsoft กล่าวว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากการตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อรองรับบริการ AI
Microsoft ลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ในสตาร์ทอัพ OpenAI เมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว และนับตั้งแต่นั้นมาได้วางโมเดลของ OpenAI ให้เป็นแกนหลักของโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งสนับสนุนแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ต่างๆ ของบริษัทเอง เช่นเดียวกับบริการ AI สำหรับบริษัทอื่นๆ
เอมี ฮู้ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Microsoft กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ที่เข้ามาในแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Microsoft ในไตรมาสล่าสุดคือธุรกิจที่มี AI เป็นหลัก และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งจากธุรกิจคลาวด์มากขึ้น
ในส่วนของหน่วยธุรกิจด้านการผลิตและกระบวนการทางธุรกิจของ Microsoft มีรายได้เพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 18,590 ล้านดอลลาร์ โดยผลิตภัณฑ์และบริการของหน่วยดังกล่าวประกอบด้วยการสมัครใช้งานแอป Microsoft 365, LinkedIn และซอฟต์แวร์องค์กร Dynamics ขณะที่แอปการสื่อสาร Teams มีผู้ใช้งานมากกว่า 320 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก 300 ล้านรายเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว
ด้านกลุ่มธุรกิจ More Personal Computing ของ Microsoft ซึ่งประกอบด้วย Windows, Xbox, Bing และ Surface สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3% ที่ 13,670 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขายลิขสิทธิ์ระบบปฏิบัติการ Windows ให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 4% สะท้อนถึงตลาดคอมพิวเตอร์พีซีที่เริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ด้านการจัดส่งลดลง 9% ในไตรมาส 3 ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่ลดลงถึง 30%
แนวโน้มรายได้ในภาพรวมของ Microsoft มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Microsoft เสร็จสิ้นการซื้อกิจการ Activision Blizzard ค่ายเกมชั้นนำ ด้วยมูลค่า 68,700 ล้านดอลลาร์ โดย Activision จะยังไม่รวมอยู่ในผลประกอบการไตรมาสแรกทางการเงินของ Microsoft แต่คาดว่าจะส่งผลต่อรายได้บางส่วนของบริษัทสำหรับไตรมาสหน้า
ในมุมกลับกัน การเติบโตของธุรกิจคลาวด์สำหรับ Google ลดลงเหลือ 22% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 26% แม้ว่าธุรกิจคลาวด์จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 11% ของรายได้ทั้งหมด และธุรกิจโฆษณาของบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าคาด แต่ผลลัพธ์ที่ย่ำแย่จากธุรกิจคลาวด์ก็เพียงพอที่จะทำให้หุ้นของ Alphabet เสียหายหลังจากที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว 33% ในปีนี้
เบรนต์ ทิลล์ นักวิเคราะห์จาก Jefferies กล่าวว่า การลงทุนครั้งใหญ่ของ Google ใน AI เป็นสัญญาณว่า Google จะกลับมาผงาดอีกครั้งในอนาคต และจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการแข่งขันในตลาดธุรกิจคลาวด์ แต่สำหรับตอนนี้ Microsoft ยังคงเติบโตเร็วกว่ามาก แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยธุรกิจคลาวด์ที่มีสัดส่วนใหญ่กว่า Google ก็ตาม
ซันดาร์ พิชัย ผู้บริหารระดับสูงของ Alphabet เรียก AI ว่าเป็น “การเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มขั้นพื้นฐาน” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัท Google กำลังดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัว Gemini โมเดล AI ขนาดใหญ่ตัวต่อไป ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถก้าวข้าม OpenAI ในการแข่งขันเพื่อขับเคลื่อนบริการ AI ในรุ่นต่อไป
สำหรับไตรมาส 3 Alphabet รายงานรายได้จากการโฆษณาที่ 59,650 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 54,480 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ขณะที่รายรับจากการโฆษณาบน YouTube สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
รายได้จากการโฆษณา YouTube อยู่ที่ 7,950 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 7,810 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ของ Google Cloud อยู่ที่ 8,410 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8,640 ล้านดอลลาร์ กระนั้นแม้ว่ารายได้จะน่าผิดหวัง แต่คลาวด์ก็ยังคงเติบโต 22% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวของบริษัทโดยรวมถึง 2 เท่า
อ้างอิง: