บรรดาผู้นำประเทศและตัวแทนบริษัท 28 ราย รวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป ได้ลงนามในข้อตกลงที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับความเสี่ยงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งถือเป็นรูปแบบแนวทางในการรับมือ AI
การลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับ AI ในการประชุมสุดยอดระดับโลกที่ชื่อว่า AI Safety Summit ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ผู้นำจากนานาประเทศมาร่วมลงนามเพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงที่อาจกลายเป็น ‘หายนะ’ จากเทคโนโลยี AI
รายงานระบุว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ผู้นำระดับโลก และตัวแทนจาก 27 ประเทศ รวมทั้งตัวแทนสมาชิกจากสหภาพยุโรป กำลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความปลอดภัยด้าน AI ในอังกฤษ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ Bletchley Park บ้านของผู้ที่สามารถแก้รหัสในสงครามโลกครั้งที่สองได้
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวได้แสดงให้เห็นความเคลื่อนไหวด้าน AI ที่สำคัญ โดยสหราชอาณาจักรประกาศว่าจะลงทุนในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ในขณะที่ อีลอน มัสก์ ผู้นำของ Tesla และ X กล่าวนอกรอบงานว่า “AI คือหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อมนุษยชาติ”
อย่างไรก็ตาม ชุมชนเทคโนโลยีจำนวนมากได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้มีแนวทางที่หลากหลาย เช่น การมี Opensource เพื่อให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ ผู้นำด้านเทคโนโลยี และรัฐบาลได้ทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้ ปฏิญญา Bletchley เกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI (The Bletchley Declaration on AI Safety) คือแถลงการณ์ที่ลงนามโดยตัวแทน 28 ราย รวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความเสี่ยงของสิ่งที่เรียกว่าโมเดล Frontier AI ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดยบริษัทต่างๆ เช่น OpenAI
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเรียกข้อตกลงนี้ว่า เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ลงนามซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อระบุ ‘ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ AI ที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน’ และสร้าง ‘นโยบายตามความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ’ ครั้งแรกของโลก ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเตือนว่า พรมแดน AI ซึ่งเป็นรูปแบบเทคโนโลยีที่ซับซ้อนที่สุดที่ใช้ใน Generative Models เช่น ChatGPT มีศักยภาพที่จะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง แม้กระทั่งหายนะ ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม อิงจากขีดความสามารถของ Generative AI ดังกล่าว
มิเชลล์ โดเนลาน รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็น ‘ความสำเร็จครั้งสำคัญ’ และ ‘วางรากฐานสำหรับการอภิปราย AI ในอนาคตต’ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแย้งว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไปไกลไม่พอ
ด้าน พอล เทเทอร์ ซีอีโอของบริษัทวิจัย AMPLYFI ที่ใช้ AI กล่าวกับ Euronews Next ว่า การที่บรรดาประเทศชั้นนำสำคัญมาร่วมกันรับรองหลักจริยธรรมด้าน AI ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จ แต่การจัดทำนโยบายและกลไกความรับผิดชอบที่เป็นรูปธรรมจะต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ก่อนชี้ว่า การใช้คำที่คลุมเครืออาจทำให้เกิดการตีความที่ผิด ในขณะที่การอาศัยความร่วมมือโดยสมัครใจเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอที่จะจุดประกายแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ AI ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
รายงานระบุว่า เกาหลีใต้จะเปิดตัวการประชุมสุดยอด AI แบบ ‘Mini Virtual’ อีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า และฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด AI (AI Summit) ในแบบพบปะกันครั้งต่อไปในปีหน้า
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญจากงานในครั้งนี้คือ การที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศให้มีการประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยของ AI ในอนาคต
ริชิ ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวเสริมว่า ผู้คนไม่ควรกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่องาน เพราะการปฏิรูปการศึกษาจะช่วยเพิ่มทักษะในการนำ AI มาใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง ในท้ายที่สุดแล้วเทคโนโลยี AI จะช่วยปรับปรุงเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเครื่องมือใหม่ๆ ควรถูกมองว่าเป็น ‘Copilot’ ที่จะช่วยให้ผู้คนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะมองว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะมาแทนที่แรงงาน ก่อนย้ำว่า อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของรัฐบาลในขณะนี้ก็คือ การเดินหน้าจัดการปรับปรุงฝึกอบรมทักษะของคนในประเทศ
ผู้นำอังกฤษกล่าวว่า เขาตระหนักดีว่ามี ‘ความวิตกกังวล’ เกี่ยวกับผลกระทบที่เครื่องมือ AI ใหม่อาจมีต่อสถานที่ทำงาน แต่ในท้ายที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป AI จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ AI เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คนแทบทุกคนทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น ก่อนย้ำว่า ตนเองไม่ต้องการให้ผู้คนเป็นกังวล โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังสร้างระบบการศึกษาที่จะตอบโจทย์กับปัจจุบัน
อ้างอิง:
