Agoda แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านการท่องเที่ยวและจองที่พักชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยสถิติข้อมูลนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าการท่องเที่ยวไทยโดยรวมฟื้นตัวในทิศทางที่รวดเร็วกว่าประเทศอื่น โดยไทยถือเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้ดี ได้แก่ การเปิดประเทศของจีนและการที่ไทยมีเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวเพียงพอ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า นับจากต้นปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีของปีที่ผ่านมา
“ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายที่ยอดเยี่ยมในการท่องเที่ยว แต่ไทยก็จำเป็นต้องหาจุดดึงดูดใหม่ๆ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางเข้ามาในอนาคตเช่นกัน” Omri Morgenshtern ซึ่งเป็น CEO ของ Agoda กล่าว
Morgenshtern เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปีนี้คือชาวเกาหลีใต้ ตามมาด้วยมาเลเซียและจีน อย่างไรก็ดี เขาก็เห็นเทรนด์การเดินทางไปท่องเที่ยวในเวียดนามของชาวเกาหลีใต้ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ปัจจัยที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวมากขึ้นมีความเชื่อมโยงกับการที่บริษัทจากเกาหลีใต้จำนวนมากเลือกเข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานในเวียดนามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ยิ่งคุณดึงดูดการลงทุนและนักธุรกิจเข้ามาได้มากเท่าไร มันก็จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวตามไปด้วย” Morgenshtern กล่าว
ซีอีโอ Agoda เชื่อว่าเวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในด้านการท่องเที่ยวสำหรับประเทศไทย โดยปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและไทย อย่างไรก็ดี เขายังเชื่อว่าไทยยังมีศักยภาพที่จะรักษาความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวไว้ได้หากมีการปรับปรุงระบบการให้วีซ่า เพิ่มเส้นทางการบินใหม่ๆ และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางที่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจมากขึ้น
Morgenstern กล่าวว่า ปัจจุบันการเดินทางเพื่อธุรกิจในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวและยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดเดิมในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดได้ อย่างไรก็ดี เขามองเห็นโอกาสที่ไทยจะดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เลือกเข้ามาจัดสัมมนาในประเทศแทนสิงคโปร์ได้เช่นกัน
“ไทยสามารถดึงดูดกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีให้เข้ามาจัดประชุมหรือสัมมนาได้ หากมีการสร้าง Ecosystem ที่ดีสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ” Morgenstern กล่าว
ซีอีโอ Agoda ยังเปิดเผยด้วยว่า ในปีนี้บริษัทจะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสามารถยกระดับการค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวและนำเสนอโปรโมชันให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตบนแพลตฟอร์ม
ข้อมูลจาก Nikkei ระบุว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา Agoda สามารถทำรายได้สูงเป็นสถิติที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมียอดการจองบนแพลตฟอร์มคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.21 แสนล้านดอลลาร์
อ้างอิง: