พยานป่วยทางจิต กล้องวงจรปิดหาย เหตุศาลยกฟ้องคดีพ่อเหยื่อถูกฆ่าโดดตึกศาลอาญาดับ ผบ.ตร. สั่งเตรียมรื้อคดี

เหตุการณ์สลดใจเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี กระโดดลงมาจากชั้น 8 ของศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิต หลังเข้าฟังคำพิพากษาในคดีที่บุตรชายถูกแทงเสียชีวิตเมื่อเดือนเมษายน ปี 2559 โดยศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องจำเลย

ผู้เป็นญาตินายศุภชัยระบุว่า คดีของลูกชายนายศุภชัยเกิดขึ้นในพื้นที่ สน.ดินแดง หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน ทางครอบครัวได้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการต่อสู้ทางคดี แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุเสียทั้งหมด

ด้าน นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงคำพิพากษาคดีนี้ว่า เป็นคดีฆ่าผู้อื่นฯ หมายเลขดำ อ.1089/60 แดงที่ อ.2102/61 ที่พนักงานอัยการ คดีอาญา 4 เป็นโจทก์ และ นางเรวดี แม่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วม ฟ้องนายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ กรณีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2559 เวลากลางคืน จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงบริเวณร่างกายนายธนิต ทัฬหสุนทร นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งจนถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนี เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371 ประกอบ 83 เหตุเกิดบริเวณถนนประชาสงเคราะห์ 1 ดินแดง กรุงเทพฯ จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิด

คดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เหตุผลโดยสรุปคือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวนไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น

แต่พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพบว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีผู้คนเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏในชั้นศาลนั้นเห็นแต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้ พยานบุคคลปากอื่นก็ไม่เห็นขณะเกิดเหตุ เห็นเพียงผู้ตายเดินไปกับจำเลย เมื่อพิจารณาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้ว มีคำพิพากษายกฟ้อง

อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นเพียงการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมยังสามารถยื่นอุทธรณ์ฎีกาตามกฎหมายได้ต่อไป คดีนี้ศาลนั่งเต็มองค์คณะ เจ้าหน้าที่เองก็คอยเฝ้าระวัง เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทำหน้าที่ของตนเองมาอย่างดีที่สุดแล้ว

ขณะที่วันนี้ (24 ก.ค.) ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์นี้ว่า ได้สั่งการกำชับให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา รอบคอบ ชัดเจน และเป็นธรรมที่สุด หากตรวจสอบสำนวนแล้วพบว่ามีความผิดตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการทางกระบวนยุติธรรมต่อไป

โดยบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาล ส่วนกระบวนการการตรวจสอบนั้นได้กำชับให้ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบคดีนี้อีกครั้ง โดยจะมีการรื้อคดีนี้เพื่อดูว่าในชั้นการบันทึกการสอบสวนในขณะนั้นมีรายละเอียดอย่างไร

วันเดียวกัน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่าจะไปดูสำนวนเก่าว่ามีความเป็นมาอย่างไร และพร้อมให้ความเป็นธรรม

พร้อมตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดที่เคยทำคดีนี้ เพื่อดูว่าการทำสำนวนเป็นอย่างไร มีความรอบคอบทุกอย่างหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ถ้าตำรวจผิด ไม่ต้องห่วง ต้องดำเนินการอยู่แล้ว เพราะถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่ในวันนี้ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดีดังกล่าวมาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสำนวนเพิ่มเติมด้วย เพื่อดูว่าในชั้นสอบสวนสำนวนมีความสมบูรณ์หรือบกพร่องตรงไหนหรือไม่อย่างไร

Photo: AFP