วันนี้ (16 มิถุนายน) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยภาครัฐก็มีการทยอยให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคเอกชนบางส่วน ก็ได้แสดงความจำนงที่จะนำเข้าวัคซีนทางเลือกมาให้บริการแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต่อโรคติดต่ออันตรายนี้ ซึ่งภาครัฐยินดีที่จะให้การสนับสนุนภาคเอกชนในการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการที่สถานพยาบาลเอกชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเข้ามาให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ย่อมส่งผลดีต่อพี่น้องประชาชนในการรับวัคซีนได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว แต่เพื่อป้องปรามมิให้เกิดการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ มาตรฐานจากสถานพยาบาลเอกชนในการโฆษณาหรือประกาศอันเป็นประโยชน์ทางการค้าของสถานพยาบาล จึงต้องขออนุมัติจากผู้อนุญาตเสียก่อน
ในการโฆษณาจองวัคซีนโควิด-19 นั้น กรม สบส. ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกำหนดแนวทางในการโฆษณาเบื้องต้นไว้ 5 ข้อดังนี้
- วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่จะโฆษณาต้องได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยา และได้รับการอนุมัติให้โฆษณายาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- โฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล กรณีการจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต้องยื่นขออนุมัติจากผู้อนุญาต ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 คือกรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หากได้รับการอนุมัติแล้วจึงสามารถเผยแพร่โฆษณาได้
- หากสถานพยาบาลมีการเรียกเก็บเงินมัดจำหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากประชาชน หากไม่สามารถดำเนินการตามถ้อยคำที่ปรากฏในโฆษณา จะต้องคืนเงินมัดจำหรือค่าใช้จ่ายใดๆ เต็มจำนวน
- การกำหนดระยะเวลาในการฉีดวัคซีน ต้องกำหนดระยะเวลาให้ใกล้เคียงที่จะได้รับวัคซีนมาให้บริการจริงมากที่สุด เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนเกิดความคาดหวังเกินจริงกับระยะเวลา และป้องกันมิให้ประชาชนต้องรอคอยเนิ่นนานจนเกินสมควร
- ในการโฆษณาทุกครั้งต้องระบุข้อความ ‘รัฐบาลได้มีการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย’ และ ‘ส่วนการจองวัคซีนโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชนเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนสามารถเลือกรับบริการได้ แต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง’ เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาตัดสินใจก่อนรับบริการ
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้นการโฆษณาจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชนมิได้มีการขออนุมัติอย่างถูกต้อง กรม สบส. จึงต้องมีคำสั่งให้ระงับการโฆษณา ด้วยเนื้อหาของโฆษณาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัตินั้นอาจจะมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ประกอบกับที่ผ่านมาภาคเอกชนก็ยังไม่มีกำหนดเวลาของวัคซีนที่เข้ามาอย่างชัดเจน และบางครั้งก็มีการเก็บค่ามัดจำ/ค่าจอง ซึ่งเป็นภาระของภาคประชาชน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความคาดหวังเกินจริงและร้องเรียนภายหลังได้
กรม สบส. จึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนที่ต้องการโฆษณาหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ยื่นคำขออนุมัติโฆษณาหรือประกาศให้ถูกต้องทุกครั้ง โดยโฆษณาหรือประกาศที่ผ่านการอนุมัติแล้วย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการ ช่วยลดปัญหาการฟ้องร้อง และป้องกันการถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ อีกทั้งเกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันด้านธุรกิจสถานพยาบาล ที่กำหนดให้การโฆษณาหรือประกาศจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดมีข้อคำถาม หรือต้องการคำแนะนำในการขออนุมัติโฆษณาหรือประกาศของสถานพยาบาล ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่กองกฎหมาย กรม สบส. ผ่านสายด่วน 1426 หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า