ราคาหุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดการซื้อขายเช้าวันนี้ (22 กันยายน) พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น หลังจากที่เมื่อวานนี้ (21 กันยายน) ทั้งสองบริษัทได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงความร่วมมือในการรุกตลาดสินเชื่อดิจิทัล ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอไอเอสซีบี จำกัด (AISCB)
โดยราคาหุ้น SCB ล่าสุด ณ เวลา 10.15 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 111 บาท เพิ่มขึ้น 3.26% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นเป็นอันดับ 1 ของตลาด ขณะที่หุ้น ADVANC เคลื่อนไหวอยู่ที่ 197.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.33% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของตลาด
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ประเมินว่า ดีลดังกล่าวถือเป็นผลบวกต่อ ADVANC เนื่องจากการขายธุรกิจสู่ S Curve ใหม่ๆ ตามวิสัยทัศน์การเป็น Digital Life Service Provider โดยธุรกิจดังกล่าวฝ่ายวิจัยเชื่อว่า มีศักยภาพต่อยอด ADVANC มีเป้าหมายเน้นตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสถาบันการเงินจากข้อจำกัดต่างๆ เช่น แหล่งรายได้ไม่แน่นอน
นอกจากนี้ บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า ตลาดดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่หลักแสนล้านบาท และเติบโตสูงในแต่ละปี ขณะที่บริษัทใหม่ AISCB ที่ร่วมจัดตั้งขึ้นมามีจุดแข็งเหนือคู่แข่ง เช่น บริษัท ซี มันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Sea Group เจ้าของมาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์มชื่อดังของ Shopee และบริษัท กสิกร ไลน์ ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง LINE กับธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ขณะเดียวกันยังมีบริษัท แอสเซนด์ นาโน ของเครือ CP รวมถึงบริษัท แรบบิท แคช ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AEONT, BTS และ HUMAN
สำหรับจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่ง เช่น ฐานข้อมูลที่ใช้พิจารณาสินเชื่อที่น่าจะเป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจดังกล่าวและต้นทุนการเงิน (Funding Cost) ที่น่าจะต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของตลาด จากความเป็นผู้นำของทั้ง ADVANC และ SCB
ทั้งนี้ แม้ระยะแรกการขยายตัวอาจจะค่อยเป็นค่อยไปและผลประกอบการบริษัทร่วมทุนอาจยังไม่มีนัย แต่หากโครงสร้างนิ่ง ด้วยฐานทุนมหาศาลของทั้งสองบริษัท คาดว่าจะช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้เร็วและมีโอกาสสร้าง Upside ต่อมูลค่าหุ้น บล.เอเซียพลัส จึงยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’
สำหรับ SCB ในช่วงเย็นวันนี้เตรียมเปิดแถลงข่าวถึงการปรับโครงสร้างภายในองค์กร โดยเน้นกลยุทธ์เชิงรุกด้านดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ประเมินว่า จะหนุนให้ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ระยะยาวสูงขึ้นในระยะข้างหน้า เป็นปัจจัยหนุนต่อการซื้อขายที่ระดับราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่สูงขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 0.8 เท่า จึงยังคงคำแนะนำซื้อเช่นกัน โดยให้ราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 115 บาท และปี 2565 ที่ 122 บาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP