วันนี้ (25 พฤษภาคม) อดิศร เพียงเกษ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
กรณีพรรคก้าวไกลระบุมี 3 วาระที่พรรคต้องการผลักดันในฐานะ ‘ประธานสภาผู้แทนราษฎร’
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนี้ไป
อดิศรกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ทุกพรรคได้ ส.ส. ต่ำกว่า 250 คน แม้พรรคก้าวไกลจะได้จำนวน ส.ส. มาเป็นอันดับ 1 แต่มากกว่าพรรคเพื่อไทยเพียง 10 เสียง
ฉะนั้น เมื่อพรรคก้าวไกลได้ ส.ส. ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ 500 เสียง คือได้ไม่ถึง 250 เสียง จะบันดาลให้พรรคก้าวไกลได้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องเฉลี่ยตำแหน่งตามเสียงที่ปรากฏตามความเป็นจริงในการเลือกตั้งครั้งนี้
“เราหนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร โดยเซ็น MOU กันไปเรียบร้อยแล้ว เป็นเจตนาของพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะไปเป็นประธานรัฐสภาในโอกาสต่อไป เพื่อความเหมาะสม การทำงานที่ดีในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหน้าเป็นตา สามารถประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรหลายคนที่พร้อมจะช่วยให้รัฐบาลพรรคคุณพิธาเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา”
อดิศรกล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลอย่ากินหลาย ต้องเฉลี่ยกัน ประชาชนต้องเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องแก่งแย่งชิงดีกัน เพราะเราตกลงเรื่องฝ่ายบริหารกันไปแล้ว (ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) ส่วนตำแหน่งประธานสภา ถ้าจะเป็นประชาธิปไตยก็ไปโหวตกันในรัฐสภา
แม้พรรคก้าวไกลอ้างความจำเป็น 3 ประการที่ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเอาสามเณรหรือพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส
อดิศรกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าที่ก้าวไกลมี แต่เราไม่ทำ เพราะฉะนั้นขอเตือนให้สติว่าอย่ากินมาก โลภมากจะลาภหาย จะแปรเปลี่ยนไปอีกหลายๆ อย่างในอนาคต ยืนยันถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นประธานจะทำให้สภาผู้แทนราษฎรเดินไปได้สะดวก
อดิศรยังกล่าวด้วยว่า เรื่องที่พรรคก้าวไกลหาเสียงเกี่ยวกับมาตรา 112 เรื่องนี้ต้องเป็นนโยบายรัฐบาล (ฝ่ายบริหาร) ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ เพราะเสียงที่ได้มาได้มาจากเรื่องมาตรา 112
ส่วนตำแหน่งประธานสภา การทำงานร่วมกัน ถ้าพรรคก้าวไกลเอาใจตัวเองอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงคนข้างๆ ที่สูงทัดเทียมกัน แล้วจะบริหารราชการแผ่นดินในฐานะเป็นฝ่ายบริหารได้อย่างไร
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ถอยตำแหน่งประธานสภา แล้วพรรคเพื่อไทยจะสามารถถอยให้พรรคก้าวไกลได้หรือไม่
อดิศรกล่าวว่า ถ้าก้าวไกลไม่ถอยตำแหน่งประธานสภา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ถอยเช่นกัน
“ตำแหน่งประธานก็ไปโหวตในสภาเป็นประชาธิปไตย ใครได้ตำแหน่งก็ได้ไป ส่วนตำแหน่งนายกฯ ก็เป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรื่องนี้ชัดเจน เรื่องนี้แฟร์ ถ้าก้าวไกลไม่ถอยเรื่องตำแหน่งประธานสภา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ถอย โดยเสนอให้ไปโหวตกันในสภา มติสภาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น จะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย” อดิศรกล่าวในที่สุด