ACE - โครงการใหม่ยังคืบหน้าช้า

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) เปิดเผยว่าบริษัทยังคงรอให้ กฟผ. และ กฟภ. เรียกมาลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการ SPP Hybrid และโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน หลังจากเลื่อนมาจากเดือนมกราคม 2565 ทำให้ความคืบหน้าของโครงการเหล่านี้ล่าช้า ในขณะที่กำหนดวันเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้น ACE จึงเตรียมขอขยายระยะเวลาก่อสร้างโรงไฟฟ้าเหล่านี้ สืบเนื่องมาจากความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม SCBS คาดว่ารัฐบาลจะยังคงสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต่อไป เนื่องจากรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็น >18 กิกะวัตต์ ภายในปี 2580 หรือ 33% ของกำลังการผลิตใหม่

ส่วนสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP ก็ยังไม่มีความคืบหน้า หลังจากล่าช้ามานาน ACE วางแผนยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอเงินชดเชยจากรัฐบาล เนื่องจากการเสียโอกาสอันเนื่องมาจากหน่วยงานของรัฐไม่คืน PPA สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP จำนวน 10 โครงการ (99 เมกะวัตต์) หลังจากเลื่อนมาหลายเดือน

ขณะที่บริษัทคาดว่า กฟภ. จะเร่งกระบวนการคืน PPA ของโรงไฟฟ้าเหล่านี้ให้กับบริษัท เมื่อพิจารณาจากความต้องการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้นภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน (PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1)

สำหรับกำไรของ ACE จะมีอัปไซด์จากกำลังการผลิตส่วนเกินของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินงานแล้ว ซึ่งความพยายามของรัฐบาลในการจัดหาไฟฟ้าเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้า MSW ที่มีอยู่ ซึ่งยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนกำไรให้กับ ACE ได้เล็กน้อยในระยะสั้น ซึ่งผู้บริหารยังคงมั่นใจในความสามารถของบริษัทที่จะจัดหาไฟฟ้าเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้า MSW ที่มีอยู่หากรัฐบาลร้องขอ

ปัจจุบัน ACE ยังมีกำลังการผลิตที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ 18 เมกะวัตต์ และต้นทุนเงินสดที่แข่งขันได้ รัฐบาลวางแผนซื้อไฟฟ้าเพิ่มที่อัตราค่าไฟฟ้า 1.89 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เทียบกับอัตราที่จ่ายภายใต้ PPA ระยะยาวที่ >4 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง บริษัทคาดว่าอัตราค่าไฟฟ้าจะสูงกว่าระดับที่ประกาศเพื่อดึงดูดให้มีการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเมื่อพิจารณาจากต้นทุนก๊าซระดับสูงในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ต้นทุนของโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นสู่ >3 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง โดย ACE ยังสามารถทำกำไรได้ที่อัตราค่าไฟฟ้า 1.89 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เนื่องจากมีต้นทุนแข่งขันที่ได้

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น ACE ปรับตัวลดลง 3.14%MoM อยู่ที่ระดับ 3.08 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 2.45%MoM อยู่ที่ระดับ 1,659.74 จุด

มุมมองระยะสั้น:

SCBS มองว่าความล่าช้าในแต่ละโครงการที่กล่าวมานั้น ยังคงเป็น Overhang กดดันราคาหุ้น ACE ซึ่งปรับตัวลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET ที่เพิ่มขึ้น 2% โดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการเหล่านี้ทำให้ปรับเรตติ้งสำหรับ ACE ลงจาก OUTPERFORM สู่ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 5 บาท สู่ 4.7 บาทต่อหุ้น อ้างอิงมูลค่า DCF สำหรับโครงการที่มีอยู่และโครงการที่ยืนยันแล้วพร้อมกับ PPA

มุมมองระยะยาว:

SCBS คาดว่าในปี 2565 กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตขึ้น โดยใช้สมมติฐานว่าโรงไฟฟ้า SPP Hybrid และโรงไฟฟ้าชุมชนสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ตามแผน และคาดการณ์ถึงการรับรู้กำไรเต็มปีจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ (คลองขลุง) และโรงไฟฟ้าที่ซื้อมา 2 โรง กลับมาดำเนินงานใน 1H64 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าที่ซื้อมาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2564

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่ต้องติดตาม คือ
1. กำลังการผลิตเพิ่มเติมรอการพัฒนา โดยคาดว่าจะลงนาม PPA สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP และโรงไฟฟ้า SPP Hybrid กับ กฟภ. เพิ่มในปี 2565
2. การลดต้นทุนวัตถุดิบ โดย ACE ตั้งเป้าลดต้นทุนวัตถุดิบลงอีก 5-15% จากระดับปี 2562 ซึ่งบริษัทสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบลงได้ 6% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยการปรับเปลี่ยนส่วนผสมของวัตถุดิบ เพื่อลดค่าความร้อนของโรงไฟฟ้า

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH