About My Father คือภาพยนตร์คอเมดี้เปี่ยมอารมณ์ขันจากผู้กำกับ Laura Terruso เจ้าของผลงาน Good Girls Get High (2018) พร้อมด้วย Sebastian Maniscalco สแตนด์อัพคอเมเดี้ยนชื่อดัง มารับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ Austen Earl และนำแสดงคู่กับนักแสดงมากฝีมืออย่าง Robert De Niro
โดย About My Father คือภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ของ Sebastian Maniscalco และพ่อของเขาในชีวิตจริง จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดวุ่นวายของ Sebastian (Sebastian Maniscalco) ชายหนุ่มที่กำลังเตรียมตัวไปออกทริปแสนสนุกกับครอบครัวของแฟนสาวอย่าง Ellie (Leslie Bibb) ในช่วงวันหยุดซัมเมอร์ พร้อมวางแผนที่จะขอเธอแต่งงาน
แต่ดูเหมือนว่า Salvo (Robert De Niro) พ่อหัวแข็งของเขาจะไม่พอใจที่ลูกชายทิ้งให้เขาต้องฉลองวันชาติเพียงลำพัง Sebastian จึงตัดสินใจพา Salvo เดินทางไปเที่ยววันหยุดด้วย จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดวุ่นวายที่ Sebastian ต้องรับมือกับสองครอบครัวที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
About My Father เป็นภาพยนตร์คอเมดี้ที่มีการดำเนินเรื่องค่อนข้างกระชับฉับไว โดยเฉพาะการเปิดเรื่องที่พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับตัวละครหลักอย่างครบถ้วนในเวลาไม่นาน เริ่มตั้งแต่ Salvo พ่อชาวอิตาลีที่อพยพมาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ด้วยความหวังว่าจะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและลูกชายอย่าง Sebastian แต่ดูเหมือนว่าความหัวแข็งของเขาจะทำให้ Sebastian ต้องปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง
ไปจนถึงการแนะนำให้เราได้รู้จักกับ Ellie และครอบครัวของเธอ เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงฐานะและความคิดของสองครอบครัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้ง Bill (David Rasche) พ่อผู้ทำธุรกิจโรงแรมชื่อดังจนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม Tigger (Kim Cattrall) สมาชิกวุฒิสภาตัวแม่ รวมถึง Lucky (Anders Holm) และ Doug (Brett Dier) พี่ชายของ Ellie ที่ต่างมีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็คอยสอดแทรกอารมณ์ขันเพื่อสร้างรอยยิ้มให้ผู้ชมอย่างไม่ขาดสาย ไล่เรียงตั้งแต่ความสัมพันธ์ของสองพ่อ-ลูกอย่าง Salvo และ Sebastian ที่ทะเลาะกันชนิดไม่มีใครยอมใคร แต่บางสถานการณ์พวกเขาก็เข้าขากันเป็นอย่างดี หรือจะเป็นเรื่องราวของครอบครัว Ellie ที่แต่ละคนต่างก็มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันแบบคนละขั้ว จนทำให้ Sebastian ต้องรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแม้ว่าในบางมุกอาจจะดูฝืนๆ ไปบ้าง แต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนว่าจะถูกจริตกับอารมณ์ขันในภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่
ตัดสลับมาที่ข้อสังเกตของภาพยนตร์ที่ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกเสียดาย นั่นคือประเด็นหลักของเรื่องอย่าง ‘ความรักและความหวังดีของพ่อ-ลูก’ ที่เราคิดว่าผู้กำกับยังนำเสนอได้ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก เนื่องจากตัวภาพยนตร์เลือกใช้วิธีการคลี่คลายปมปัญหาของตัวละครอย่างเรียบง่ายเกินไปสักหน่อย ทั้งบทสนทนาที่ดูทีเล่นทีจริง รวมถึงการนำเสนอให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ดูเรียบง่ายเกินไป จึงส่งผลให้ประเด็นหลักของเรื่องดูไม่แข็งแรงมากพอที่จะชักชวนให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครอย่างที่ผู้กำกับตั้งใจ
ในภาพรวมแล้ว About My Father เป็นภาพยนตร์คอเมดี้ที่มีจังหวะการเล่าเรื่องกระชับฉับไว และสอดแทรกด้วยมุกตลกขบขันที่เรียกเสียงหัวเราะให้เราได้เป็นระยะ แต่อีกด้านหนึ่งภาพยนตร์ก็ไม่ได้หยิบยกประเด็นหลักของเรื่องมาขยายความให้เราได้ชมอย่างลงลึกมากนัก รวมไปถึงการคลี่คลายปมปัญหาที่ดูง่ายดายเกินไป จึงทำให้สารที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอไม่แข็งแรงมากพอให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร
About My Father เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
