อภิสิทธิ์ย้ำทำการเมืองแบบสุภาพบุรุษ อยากรักษา สส. ทุกคนไว้ แต่เข้าใจคนที่ไม่ไปต่อ

วันนี้ (20 ตุลาคม) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเกี่ยวกับการวางตัวผู้สมัคร สส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเปิดเผยว่า ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมือง เราต้องทำงานแข่งขันกับเวลา และพรรคประชาธิปัตย์จะเคร่งครัดกับเรื่องกฎระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย อย่างเช่นการสรรหาผู้สมัคร ซึ่งวันนี้มีการพูดคุยกันแล้วว่า จะต้องประชุมเพื่อเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาของพรรค ซึ่งจะทำงานกับรองหัวหน้าภูมิภาค และสาขาพรรค

“ที่ผ่านมาผมใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ พูดคุยกับบุคลากรของพรรคจำนวนมาก สส. หลายท่านที่ให้การสนับสนุนผมเมื่อวันเสาร์ ซึ่งได้พูดมากับผมก่อนวันเสาร์แล้วว่า อาจจะไม่ได้ร่วมงานกับผมต่อ ซึ่งผมก็เข้าใจข้อเท็จจริง เพียงแต่ว่าเราก็พยายามให้ดีที่สุด เพื่อตั้งต้นใหม่ในวันนี้ ก็พยายามที่จะพูดคุยอยากจะรักษาบุคลากรของเราทุกคน แต่ธรรมชาติของการเมือง ในเมื่อมีการไปพูดคุยเจรจา อะไรกันผมเข้าใจได้เพราะผมทำงานการเมือง ใช้คำว่าแบบสุภาพบุรุษ เข้าใจดีว่าใครตกลงอะไรกันไว้ ก็เข้าใจเขา” อภิสิทธิ์กล่าว

▪️ทำการเมืองแก้ปัญหาประชาชน มากกว่าต่อรองผลประโยชน์

อภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การที่ สส. จะย้ายพรรคนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราคิดอย่างเดียวว่า จะนำเสนอทางเลือกให้กับประชาชน รวมถึงนโยบายและบุคลากรให้ดีที่สุด ท่ามกลางข้อจำกัดด้านเวลา หลักๆ ก็มีการพูดคุยกันเรื่องนี้และมอบหมายงาน

อภิสิทธ์กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราคิดเพียงอย่างเดียวว่า เราจะนําเสนอทางเลือกให้กับประชาชนทั้งนโยบายและบุคลากรให้ดีที่สุด ท่ามกลางข้อจํากัดด้านเวลา อย่างไรก็ตาม ยังมีการมอบหมายงานด้านต่างๆ ไปด้วย รวมถึงบุคลากรที่เรามีการทาบทามไปนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องมิติสังคม สิ่งแวดล้อม ความเป็นธรรม หรือแม้กระทั่งเรื่องการเมือง เช่น สิ่งที่ฉุดรั้งบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก ก็เพราะเรามีการคอร์รัปชั่นมาก ซึ่งทําให้มีกฎเกณฑ์มากตามมา จนธุรกิจเดินไม่ได้

อภิสิทธิ์ย้ำว่า สิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่ร้อยเรียงกันทั้งหมด เศรษฐกิจไทยจะโตไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มพูนทักษะให้กับคน ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก เศรษฐกิจจะโตได้ การเมืองก็ต้องดี การศึกษาก็ต้องดี รวมถึงมิติอื่นๆ ด้วย

เมื่อสื่อมวลชนถามว่า การกลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้ความหวังใหม่กับประชาชนในการเป็นอีกตัวเลือกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นั่นคือหน้าที่ของพรรคการเมืองอยู่แล้ว เพราะเหตุผลหนึ่งที่ตนได้กล่าวไปแล้ว คือตนรู้สึกเสียดายว่า ในช่วงหลังนักการเมืองเหมือนอยู่กันคนละโลกกับประชาชน เพราะข่าวการเมืองที่เราเห็นทุกวันนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับประชาชน

“ผมต้องการทําให้การเมืองเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับประชาชนจริงๆ และอยากขอความร่วมมือให้มาคุยกันเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาจริงๆ นั่นคือหน้าที่ของการเมือง ไม่ใช่เรื่องการมาเล่นเกมต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน” อภิสิทธิ์กล่าว

▪️ตั้งเป้า สส. มากที่สุด ขอเป็นพรรคของทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าได้มีการตั้งเป้าหมายจำนวน สส. ไว้อย่างไร อภิสิทธิ์ กล่าวว่า “อยากได้ให้มากที่สุด” ส่วนตั้งเป้าพื้นที่ใดเป็นพิเศษ อภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของคนทั้งประเทศ ทั้งนี้ จะดูตามความเป็นจริงเพราะต้องทำงานแข่งขันกับเวลา และเพื่อน สส. หลายคนมากระซิบว่า อาจจะไม่ได้ทำงานด้วยกันต่อ ก็ต้องมาเร่งอุดช่องว่างในพื้นที่ต่างๆ

อภิสิทธิ์ย้ำด้วยว่า ตนเองไดับอกกับทุกคนว่ายินดีที่จะทำงานด้วยกันต่อ ใครที่ร่วมงานกับประชาธิปัตย์มา ก็ยินดีทำงานต่อ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวพิจารณาว่า แนวทางที่ตนทำกับสิ่งที่เขาตั้งใจ มันจะสอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่อย่างไร ก็เคารพการตัดสินใจของกันและกัน

ส่วน สส. ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ต่อมีกี่คนนั้น อภิสิทธิ์หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า “ไปไม่หมดหรอกครับ”

▪️ปัดตอบจับมือเพื่อไทย ย้ำยึดถือสัจจะเป็นสำคัญ

ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดตรัง ที่ สมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง ประกาศชัดว่า ถ้ามี สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อยู่ จะนำ สส. ออกยกจังหวัดนั้น อภิสิทธิ์กล่าวว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับ สส. ทุกคน โดยที่ตนไม่ได้อยู่การเมืองมารระยะหนึ่งแล้ว ก็ไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดเพียงแต่บอกถึงว่า ตั้งใจ อยากให้เข้าใจว่า ที่ตนกลับมาคืออะไร ถ้าเขาอยากจะสนับสนุน ก็ชวนเขาอยู่ต่อ แต่หลายคนมีการพูดคุยตกลงกับพรรคการเมืองอื่นลึกไปแล้ว มีอยู่หลายคน เราก็ต้องยอมรับว่า เกิดสิ่งนั้นก่อนที่จะได้มีการเลือกหัวหน้าพรรค

“คุยกับ สส. และคุณสาทิตย์ ที่บอกว่า มีคนนั้นก็ไม่มีคนนี้ เหตุมันคืออะไร ผมทำได้เพียงแต่บอกว่า ผมมาสลายเหตุนั้นก็แล้วกัน แล้วดูว่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่ ต้องการรักษาทุกคน แต่ก็เข้าใจ” อภิสิทธิ์ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรคชุดที่แล้วข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาล ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร อภิสิทธิ์กล่าวว่า เรารอดูท่าทีจุดยืน การกระทำของแต่ละพรรคก่อนดีกว่าหรือไม่

“แต่ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ผมยึดถือเรื่องของอุดมการณ์ และสัจจะเป็นสำคัญ” อภิสิทธิ์ทิ้งท้าย