สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (Assistance Association for Political Prisoners: AAPP) เปิดเผยว่า มีประชาชนเมียนมา 802 คน ที่เสียชีวิตจากการถูกสังหารโดยกองกำลังความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ระหว่างการปราบปรามการประท้วงนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
AAPP ระบุข้อมูลดังกล่าวว่าได้รับการตรวจสอบจนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ชี้ว่าเป็นไปได้ที่ยอดผู้เสียชีวิตจริงอาจสูงกว่านี้มาก
“นี่คือตัวเลขที่ตรวจสอบโดย AAPP จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก” ทางกลุ่มระบุในการแถลงข่าว
ขณะที่ AAPP เผยว่าผู้เสียชีวิต 6 รายล่าสุดนั้น พบในรัฐชิน และในหลายเขตของเมืองใหญ่อย่างมัณฑะเลย์และย่างกุ้ง
ที่ผ่านมารัฐบาลทหารเมียนมาพยายามโต้แย้งข้อมูลผู้เสียชีวิตดังกล่าวว่าสูงเกินจริง และอ้างว่ามีสมาชิกกองกำลังความมั่นคงถูกสังหารระหว่างการประท้วงหลายสิบคน
นอกจากนี้ ทางกลุ่มเคลื่อนไหวระบุว่ามีประชาชนเมียนมาที่ยังถูกจำคุก 4,120 คน ในจำนวนนี้รวม 20 คน ที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต
ขณะเดียวกันการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยก็ยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยที่เมืองมินดัต ในรัฐชิน ทางตะวันตกของเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนอินเดียราว 100 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะอย่างดุเดือดนับตั้งแต่รัฐประหาร ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หลายพันคนต้องหนีไปซ่อนตัวในป่าและหุบเขา
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ทางการเมียนมาได้ประกาศกฎอัยการศึกในเมืองมินดัตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเดินหน้าการโจมตีกองกำลังติดอาวุธในรัฐชิน โดยใช้ทั้งปืนใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งผลจากการสู้รบทำให้ประชาชนที่หนีออกจากเมืองเริ่มประสบภาวะขาดแคลนอาหาร ในขณะที่ไม่สามารถกลับเข้าเมืองได้ เนื่องจากทหารเมียนมามีการปิดถนนและลาดตระเวนทั่วเมือง
“เกือบทุกคนหนีออกจากเมือง พวกเขาส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่” หนึ่งในนักรบหญิงของกลุ่มติดอาวุธที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเปิดเผยต่อ Reuters
ด้านสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้เลื่อนการโหวตร่างมติ เรียกร้องให้ระงับการจัดหา การขายหรือการถ่ายโอนอาวุธและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดไปยังเมียนมา ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเดิมทีมีกำหนดโหวตในวันนี้ (18 พฤษภาคม) โดยยังไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าจะมีการโหวตอีกครั้งเมื่อใด
ซึ่งเนื้อหาของร่างมติดังกล่าวยังเรียกร้องให้กองทัพเมียนมายุติการประกาศภาวะฉุกเฉินและหยุดการใช้กำลังต่อผู้ประท้วงอย่างสันติ รวมทั้งเคารพเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านผลการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ของออง ซาน ซูจี เป็นฝ่ายชนะอย่างถล่มทลาย
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
