ย้อนกลับไป 10 กว่าปีก่อน ชื่อของ หม่อง ทองดี กลายเป็นที่พูดถึงในพาดหัวข่าวหลายสำนัก ด้วยเหตุผลที่ว่า เด็กชายเป็นคนไร้สัญชาติ และเป็นตัวแทนประเทศไทยที่จะไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ในเวลานั้นปัญหาใหญ่ที่ฉุดรั้งการเดินทางครั้งนี้เอาไว้ก็คือ การที่ภาครัฐไม่อนุญาตสัญชาติไทยให้กับเขา ทำให้หลายฝ่ายต่างออกมาเรียกร้องและผลักดันเรื่องนี้เพื่อช่วยเหลือให้เด็กชายหม่องได้ทำตามความฝัน ในการไปแข่งขันในฐานะของ ‘คนไทย’
ซึ่ง A Time To Fly บินล่าฝัน ก็เป็นภาพยนตร์ที่หยิบยกเอาเรื่องจริงของเหตุการณ์ดังกล่าวมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ โดยเรื่องราวจะตามติดชีวิตของเด็กชายหม่อง ทองดี ที่ในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เด็กที่เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านชนบท และใช้ชีวิตในโรงเรียนกับเพื่อนๆ เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปที่มักจะแวะเวียนไปเล่นเกมหลังเลิกเรียน
แต่แล้ววันหนึ่งโอกาสที่ไม่คาดคิดก็เดินเข้ามา เมื่อทางโรงเรียนกำลังเฟ้นหาตัวแทนเพื่อไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษ เด็กชายหม่องที่บังเอิญชอบเล่นเครื่องบินพับกระดาษอยู่แล้วจึงเข้าร่วมการคัดเลือกของโรงเรียน และได้เป็นตัวแทนไปแข่งต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นก้าวสำคัญที่พาให้เขาเข้าสู่การแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
ทว่าชีวิตของเด็กชายหม่องไม่ได้สวยงามเหมือนภาพฝัน เมื่อทางราชการไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติไทยของเขาได้เนื่องจากไม่มีใบแจ้งเกิด ทำให้ครูและโรงเรียนต้องออกมาเรียกร้องกับทางสื่อมวลชนอย่างที่หลายคนทราบกัน
และถ้าว่ากันตามตรง A Time To Fly เป็นภาพยนตร์แนว Underdog หรือภาพยนตร์ที่ว่าด้วยตัวละครที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน ฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต เพื่อไปให้ถึงความสำเร็จ แต่ปัญหาข้อใหญ่ของภาพยนตร์ก็เริ่มจากจุดนี้ ตรงที่มันไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้มากขนาดนั้น และส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะนี้ก็มาจากองค์ประกอบหลายอย่าง อาจเริ่มตั้งแต่การตัดต่อที่ไม่ได้ให้พื้นที่กับคนดูได้ซึมซับห้วงเวลาต่างๆ ไปจนถึงตัวบทที่มีความหละหลวม และไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าตัวละครนี้ประสบพบเจอกับความยากลำบาก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีคำว่า Base on True Story หรืออิงมาจากเรื่องจริงแล้ว การนำเสนอจึงเป็นส่วนสำคัญมากที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ลีลาการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่เน้นตัดข้ามไปข้ามมาอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่ออารมณ์คนดูอย่างใหญ่หลวง เมื่อเรื่องราวของเด็กชายหม่องที่ควรจะเป็นหัวใจสำคัญกลับถูกลดทอนพลังลงไปด้วย มากไปกว่านั้น รายละเอียดปลีกย่อยอย่างครอบครัว เพื่อน และสภาวะความเป็นอยู่ที่ควรจะเป็นส่วนเสริมในการขยับขยายมิติของตัวละครก็ถูกลดตามลงไป จนความสำคัญแทบจะไม่มีเหลือ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก เพราะถ้าพื้นหลังและสภาพแวดล้อมของตัวละครถูกเล่าออกมาอย่างแข็งแรง เรื่องราวของเด็กชายหม่อง ทองดี ที่อยู่บนจอเงินอาจสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้มากกว่านี้
ผลที่ตามมาอีกอย่างคือ เมื่อภาพยนตร์เลือกที่จะนำเสนอเรื่องของ ‘คนไร้สัญชาติ’ อย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้พูดถึงส่วนนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็ทำให้น่าตั้งคำถามว่า เป้าประสงค์ของผู้สร้างคืออะไรกันแน่ จริงอยู่ที่มันอาจเปิดพื้นที่ให้คนดูได้จินตนาการถึงความเป็นไปกันเอาเอง แต่การทำแบบนั้นไม่ใช่ทุกครั้งที่ทำได้ และในบางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างถึงที่สุด
ไม่เพียงแค่นั้น การใช้ดนตรีประกอบที่มากเกินความจำเป็นในหลายๆ ฉาก ก็อาจทำให้กลไกการเล่าเรื่องในรูปแบบภาพยนตร์ถูกเปลี่ยนไปเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีความยาว 1 ชั่วโมงครึ่งแทน ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อเรื่องราวที่อิงมาจากความจริงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ฉากไคลแมกซ์อย่างการแข่งขันเครื่องบินกระดาษที่ควรจะเป็นไฮไลต์สำคัญ ก็ไม่สามารถดึงดูดคนดูให้มีความรู้สึกร่วมไปกับการแข่งขันได้ ซึ่งปัญหานี้อาจมาจากการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ที่ดูไม่มีความสมจริงของสถานการณ์ และการตัดต่อที่ทำให้มันถูกฉุดรั้งลงไปมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าพูดถึงจริงๆ อาจมีอยู่ด้วยกันอีกสองส่วน หนึ่งคือทีมนักแสดงเด็ก ที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยชีวิตภาพใหญ่ของภาพยนตร์เอาไว้จากบาดแผลที่ปรากฏออกมาอย่างไม่ลดละ และสองคือ ภาษาภาพยนตร์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเรื่องราวของเด็กชายหม่อง ได้แก่ ฉากแอนิเมชันที่เขาจินตนาการถึงเครื่องบินกระดาษของตัวเองเป็นเหมือนเครื่องบินรบที่ต่อสู้กับคิงคอง และฉากซ่อมแซมเครื่องบินกระดาษด้วยสติกเกอร์รูปธงชาติไทย ซึ่งการเลือกใช้ภาพและการกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นถึงตัวตนของเด็กชายหม่องได้อย่างน่าสนใจ
รวมๆ แล้ว A Time To Fly จึงเป็นภาพยนตร์ที่มีวัตถุดิบที่ดี หากแต่การกำกับยังไม่สามารถกุมทิศทางของเรื่องราวให้มีพลังได้ ทำให้ภาพรวมทั้งหมดของภาพยนตร์ไม่แข็งแรงในหลายมิติ ซึ่งส่งผลให้ชีวิตของเด็กชายหม่อง ทองดี ที่ควรจะสร้างให้ประทับใจได้มากกว่านี้ ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ แต่ถึงจะดีจะร้ายอย่างไร ‘ภาพยนตร์ไทย’ ก็ต้องการการสนับสนุนจากคนดูเพื่อพัฒนาวงการอยู่เสมอ
A Time To Fly บินล่าฝัน เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่: