×

Love in the Big City รักออกแบบไม่ได้ของคนนอกคอก

24.10.2024
  • LOADING...
Love in the Big City

 

ความน่าสนใจของ Love in the Big City คือนวนิยายของ พัคซังยอง ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศทั้งที่เป็นนวนิยายเล่มแรกของเขา ที่เด็ดกว่านั้นคือ เนื้อหาว่าด้วยความสัมพันธ์ของกลุ่มชายรักชายในกรุงโซลที่ไม่น่าจะได้รับความนิยมในประเทศอนุรักษนิยมอย่างเกาหลีใต้ แต่กลับติดอันดับนวนิยายขายดีและถูกนำมาสร้างทั้งในเวอร์ชันภาพยนตร์และซีรีส์

 

โดยในเวอร์ชันซีรีส์ความยาว 8 ตอน ออกอากาศทาง TVING และถูกทัวร์ลงฉ่ำตั้งแต่ประกาศชื่อนักแสดง ส่วนตอนนี้บรรดาผู้ปกครองก็ประท้วงให้หยุดออกอากาศ แค่นี้ก็คงพอจะบอกได้ว่าการเปิดรับความหลากหลายทางเพศของเกาหลีใต้ยังไปไม่ถึงไหนเลย

 

ส่วนในเวอร์ชันภาพยนตร์ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์โทรอนโต หรือ Toronto International Film Festival ในปีที่ผ่านมา โดยนำประเด็นใหญ่ๆ จากนวนิยายขมวดรวมกันผ่านความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวรักอิสระชื่อ แจฮี (คิมโกอึน) และ ฮึงซู (โนซังฮยอน) เกย์หนุ่มที่ยังอ่อนไหวกับมาตรฐานของสังคม หากดูจากหน้าภาพยนตร์และชื่อไทย ‘เธอเหงาเราเผลอ’ อาจเข้าใจว่านี่คืออุบัติเหตุทางเพศจนกลายเป็นเรื่องรักโรแมนติก แต่จริงๆ แล้วคือความสัมพันธ์แบบมากกว่าแฟนทำแทนได้ (เกือบ) ทุกอย่าง

 

 

Love in the Big City เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่กินเวลายาวนานกว่า 13 ปีของคนนอกคอก 2 คน นั่นก็คือแจฮี หญิงสาวหัวสมัยใหม่ที่มีความมั่นใจเกินร้อยผิดธรรมเนียมวัฒนธรรมเกาหลีใต้ ทำให้เธอถูกนินทาอยู่เสมอ แต่ก็เหมือนเธอจะไม่เคยใส่ใจ เธอได้พบกับฮึงซู ชายหนุ่มที่พยายามปกปิดวิถีทางเพศของตัวเอง แต่แจฮีก็รู้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกว่าเขาเป็นเกย์ 

 

ด้วยจิตวิญญาณที่เหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็วและย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน จนคนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคู่รัก ทั้งคู่ผ่านบททดสอบมากมายจนกลายเป็นเรื่องราวของมิตรภาพ, การสำรวจตัวตน, ความโรแมนติก และความหมายของความรักในอีกรูปแบบหนึ่งของคนที่ไม่เข้าพวกในเมืองใหญ่อย่างกรุงโซล

 

Love in the Big City

 

Love in the Big City เหมือนพาผู้ชมเข้าไปดูชีวิตหนุ่มสาวเกาหลีใต้ที่อยู่นอกกรอบความคาดหวังของสังคม ทั้งคาแรกเตอร์ของแจฮีที่ทั้งกินเหล้า สูบบุหรี่ ปาร์ตี้ทุกคืน และดูเหมือนจะมีเสรีทางเพศ ซึ่งกลายเป็นทั้งเสน่ห์และตราบาป ดึงดูดผู้ชายหลายคนเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเธอได้ดีไปกว่าฮึงซู ชายหนุ่มที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน แม้เขาจะยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ก็ยังหวั่นไหวต่อมาตรฐานของสังคมเกาหลีใต้ จนสร้างกำแพงกั้นตัวเองจากความสัมพันธ์ชายรักชายแบบเปิดเผย

 

“การเป็นตัวของตัวเองเป็นจุดอ่อนได้อย่างไร” แจฮีบอกกับฮึงซูในวันที่เธอเจอเขาจูบกับผู้ชายที่หน้าผับ แล้วฮึงซูคิดว่าเธอพบปมด้อยของเขา ทั้งที่เธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ นี่คือจุดเริ่มต้นความสนิทสนมของเขาและเธอ 

 

 

ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การเชื่อมโยงเรื่องราวดราม่าเข้ากับช่วงเวลาของชีวิตมนุษย์แบบ Coming of Age โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจมาอยู่ด้วยกัน ในช่วงแรกฮึงซูแสร้งเป็นเพื่อนร่วมห้องที่คอยปกป้องเมื่อผู้ชายมาวอแว ส่วนแจฮีทำหน้าที่เป็นพี่สาวกันผู้ชายที่ฮึงซูอยากเท จนกระทั่งกลายเป็นความผูกพันในกรอบของคำว่าเพื่อน แต่กลับมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น 

 

เรื่องราวดำเนินไปผ่านความสัมพันธ์มากมายที่ทั้งสองต้องเจอ รวมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่จนเหมือนเพื่อนทางจิตวิญญาณ เขาและเธอต้องเผชิญกับการดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งการรังเกียจคนรักร่วมเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่ได้สะท้อนแค่มุมมองต่อเรื่องรักร่วมเพศเท่านั้น แต่ยังหมายถึงทัศนคติต่อผู้หญิงในเกาหลีใต้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น แจฮีต้องเจ็บปวดกับการเป็นตัวของตัวเอง แม้จะดูแข็งแกร่งแต่ข้างในกลับอ่อนไหว ซึ่งแสดงให้ฮึงซูได้เห็นเพียงคนเดียว ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นการเดินทางของฮึงซูเพื่อยอมรับรสนิยมทางเพศของตัวเองผ่านช่วงเวลาต่างๆ นับสิบปี

 

“ที่ปารีสไม่ใช่ไม่มีพวกโง่งี่เง่าหรอกนะ แต่จำนวนหนาแน่นน้อยกว่าในโซลเท่านั้นเอง” 

 

Love in the Big City

 

แม้จะอบอวลไปด้วยเรื่องหนักๆ แต่ Love in the Big City ก็ยังสมดุลระหว่างอารมณ์ขันกับความรู้สึกซึ้งในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะในช่วงที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน การใช้ชีวิตหยำฉ่าหรือการโต้เถียงเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นเรื่องขำ ทำให้เราย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนเพี้ยนๆ สักคน อย่างเช่น ฉากที่ฮึงซูตื่นมาพร้อมกับรอยสักหลังจากเมาหัวทิ่ม แล้วเจอแจฮีนั่งขดอยู่ตรงมุมห้อง หรือหัวข้อทะเลาะกันแบบงี่เง่าๆ เช่น การแอบยืมของใช้ส่วนตัวหรือการทิ้งขยะ ซึ่งใครเคยใช้ชีวิตในหอพักคงต้องอินเป็นพิเศษ

 

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีหลายอย่างที่มีความเป็นซีรีส์มากกว่า ทั้งการจัดแสงหรือจังหวะการปะทะคารม รวมถึงการตัดต่อ โชคดีที่เคมีของนักแสดงนำเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงภาพยนตร์เอาไว้ทั้งเรื่อง และถือเป็นความชาญฉลาดที่เลือก คิมโกอึน นางเอกที่ถูกสาป (ข้อหาความสวยไม่คู่ควรกับพระเอก) อันดับต้นๆ ของเกาหลีใต้ มารับบทแจฮีที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบ ส่วนจริตสำอางของ โนซังฮยอน ก็ดูพอดิบพอดีกับความเป็นเกย์หนุ่มในสังคมอนุรักษนิยม และเมื่อทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันยิ่งดูน่ารักและมีเสน่ห์ ตั้งแต่มุกตลกจนถึงฉากสะเทือนใจ ทำให้คนดูเชื่อว่าทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนที่ปลอดภัยให้แก่กันและกัน 

 

 

คำถามที่เกิดขึ้นในใจตลอดช่วงที่ดู Love in the Big City คือ เหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนปีไหน เพราะภายใต้ภาพลักษณ์สุดล้ำสมัยของเกาหลีใต้ แนวคิดเหยียดเพศยังคงเข้มข้น จนไม่แปลกใจว่าทำไมเหล่าผู้ปกครองถึงออกมาแบนซีรีส์จากนวนิยายเรื่องนี้ หรือข่าวคลัสเตอร์โควิดในบาร์เกย์ที่อิแทวอน จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้หลายคนต้องออกจากงาน เรื่องอื่นประเทศเราอาจจะล้าหลังกว่า แต่การยอมรับความหลากหลายทางเพศ ผู้เขียนว่าไทยชนะเกาหลีใต้แบบขาดลอย 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X