วันนี้ (18 เมษายน) ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เห็นชอบให้ใช้เงินประมาณ 1.7 แสนล้านบาท จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาดำเนินการในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ในวันประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ มีการพูดถึงแหล่งเงินว่ามาจาก 3 แหล่ง คือ 1. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 2. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และ 3. ส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินการตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่รับงบประมาณ แต่ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการกู้เงินจาก ธ.ก.ส. ในที่ประชุม จึงไม่รู้ว่ามีการนำเรื่องกู้เงินมาจากไหน ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เป็นการพูดกันเองของสื่อหลังจากมีการแถลงข่าว
ปกรณ์ยังชี้แจงว่า การดำเนินโครงการตามมาตรา 28 สามารถทำได้ แต่จะต้องกำหนดรายละเอียดเป็นโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมยืนยันว่าเงินโครงการตามมาตรา 28 จะต้องให้กับเกษตรกรเท่านั้น ส่วนรายละเอียดเรื่องการดำเนินโครงการการตรวจสอบว่าเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องไปดูแลเหมือนกับทุกโครงการที่ผ่านมา
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี และสหภาพ ธ.ก.ส. อยากให้กฤษฎีกาตรวจสอบข้อกฎหมายก่อนว่าขัดกับ พ.ร.บ.ธ.ก.ส. และส่งผลให้การดำเนินโครงการล่าช้าไปอีกหรือไม่ ปกรณ์กล่าวว่า หากมีการนำเสนอเข้าสู่ ครม. สำนักงานกฤษฎีกาจะสามารถเสนอความเห็นได้เอง แต่ถ้าเป็นการส่งเรื่องเพื่อขอหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา จะต้องเป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของการบริหารราชการแผ่นดิน
เช่น ถ้ากระทรวงการคลังหาข้อยุติไม่ได้จึงจะไปสู่กฤษฎีกา ซึ่งก็จะต้องมีการนัดประชุมอย่างน้อย 2-3 ครั้ง จึงจะวินิจฉัยได้ว่าจะเข้าตามหลักการของ พ.ร.บ.ธ.ก.ส. หรือไม่ และไม่ทราบว่าจะส่งผลให้มีความล่าช้าหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เมื่อใด
เมื่อถามว่าการใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงินของ ธ.ก.ส. เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ ปกรณ์กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน การใช้เงินตามมาตรา 28 จะมีการกำหนดโครงการเพื่อจัดสรรงบประมาณและประเมินข้อดีข้อเสีย ประเมินทางเลือกอื่นตามมาตรา 27 ด้วย ซึ่งการดำเนินการตามมาตรา 28 หากไม่ผ่าน ธ.ก.ส. จะเป็นหน่วยงานอื่นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะมองอย่างไร เพราะเป็นผู้ริเริ่มโครงการ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติโครงการของ ธ.ก.ส. ในการดำเนินการจัดเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจจะเข้าหลักขัดกันของผลประโยชน์ ปกรณ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ท่านสวมหมวกในฐานะประธาน ธ.ก.ส. ซึ่งทุกเรื่องก็เป็นอย่างนี้