เกิดอะไรขึ้น:
กำไรที่เติบโตอย่างน่าประทับใจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของกำไรท่ามกลางราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ผันผวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากราคาหุ้น BCP ที่ปรับตัว Outperform SET ในปี 2564-2566 ถึง 86%
InnovestX Research คาดว่าค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งขึ้นและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจะช่วยสนับสนุนกำไรใน 1Q67 BCP น่าจะสามารถคงปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นไว้ในระดับสูงใน 1Q67 ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยใน 2Q67 โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นตามแผนในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นเวลา 27 วัน (ถือเป็นการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นที่สั้นที่สุดในสถิติของ BCP) หลังจากการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้ วงจรการบำรุงรักษาของบริษัทจะขยายออกไปเป็น 4 ปี เทียบกับ 2-3 ปีก่อนหน้านี้
แต่จะถูกชดเชยโดยปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นเพิ่มขึ้นที่ BSRC เพื่อรองรับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นที่สถานีบริการน้ำมันของ BCP และการขายเชิงพาณิชย์ กำไรจากกลุ่มธุรกิจ E&P จะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตที่สูงขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ที่ได้มาใหม่ (ถือหุ้น 28% ในแหล่ง Statfjord ที่ดำเนินการโดย Equinor)
กำไรสุทธิ 1Q67 คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้น QoQ จาก GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นและปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นของทั้ง BCP และ BSRC นอกจากนี้ยังสามารถประหยัดต้นทุนได้มากขึ้นจากการผนึกกำลังทางธุรกิจร่วมกันด้วย
ด้านการขยายธุรกิจการตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาดค้าปลีกของ BCP จะได้แรงหนุนจากสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจาก BSRC และการตั้งเป้าเปิดสถานีบริการใหม่ 40 สถานีในปี 2567 สู่ 2,259 สถานี โดยคาดว่าปริมาณการขายของธุรกิจการตลาด (สำหรับ BCP+BSRC) จะเติบโต 60%YoY ปริมาณการขายที่สูงขึ้นในธุรกิจค้าปลีกจะทำให้ BBGI (บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ) สามารถเดินเครื่องโรงงานไบโอดีเซลและเอทานอลได้เต็มกำลังการผลิต แม้ว่าในปัจจุบันอุปสงค์และอุปทานในประเทศไทยจะไม่สมดุลก็ตาม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCP ปรับลง 2.30% สู่ระดับ 42.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.41% สู่ระดับ 1,382.88 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ปัจจุบัน Valuation ของหุ้น BCP ยังไม่แพง เนื่องจากยังคงเทรดที่ EV/EBITDA 4.7 เท่า (ปี 2567) ตามงบการเงินรวม เทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่ประกอบธุรกิจอย่างเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 8 เท่า ซึ่งมองว่าตลาดมีความกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการที่ BCP เข้าลงทุนใน BSRC และ OKEA แม้ว่าการเติบโตของ EBITDA ในช่วงปี 2565-2566 โดยเฉพาะ OKEA ได้รับการพิสูจน์แล้ว ราคาหุ้น BCP ในปัจจุบัน (สุทธิจากบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ) สะท้อนถึง Trailing EV/EBITDA เพียง 3.8 เท่าของธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และคาดว่ากำไรจะยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นเอาไว้ได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยยังคงยึดหลักความระมัดระวังเมื่อเทียบกับเป้าหมายของ BCP ที่จะทำ EBITDA ให้ได้ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2573
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BCP เพราะแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีธุรกิจที่หลากหลาย โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 51 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น EV/EBITDA (ปี 2567) ที่ 4.3 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 7.4 เท่า Valuation ยังไม่แพงที่ P/E (ปี 2567) เพียง 4.1 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 6-7% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและค่าการกลั่น ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต็อกเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รายการด้อยค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจ E&P และรัฐบาลเข้าแทรกแซงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด