ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงติดลบไป 30% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นดัชนีหุ้นหลักที่ดิ่งลงรุนแรงที่สุดของโลก โดยตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ดัชนี Hang Seng ยังคงดิ่งลงต่อเนื่องอีก 10%
อย่างไรก็ดี Brian Roberts, Managing Director, Head of Equities Product Development, Equities Division, Hong Kong Exchanges and Clearing (HKEX) เปิดเผยว่า “เมื่อเราได้คุยกับนักลงทุนส่วนใหญ่แล้ว ในระยะกลางถึงยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นฮ่องกงและจีน”
ดูเหมือนว่าขณะนี้อารมณ์ของนักลงทุนในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นฮ่องกงและจีนจะเป็นไปในเชิงลบ มีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้น ทั้งเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
“เมื่อคุณสามารถที่จะรับผลตอบแทน 5% จากการวางเงินไว้ในที่ที่ปลอดภัย นั่นทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง”
Brian กล่าวต่อว่า จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ด้วยมูลค่า 18 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ยังสามารถเติบโตได้ในระดับ 5.2% เมื่อปีที่ผ่านมา แม้หลายคนอาจคาดหวังมากกว่านี้ แต่ตัวเลขที่ออกมาก็ยังเป็นการเติบโตที่สูง ทุกๆ 1% ที่เศรษฐกิจจีนเติบโต จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกโตได้ 0.2%”
ตอนนี้เศรษฐกิจจีนกำลังปรับสมดุลใหม่ให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกๆ เศรษฐกิจ เพียงแต่จะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา
ในระยะสั้นที่อารมณ์ตลาดเป็นเชิงลบ เป็นเรื่องยากที่จะดึงให้เงินทุนไหลกลับเข้ามา สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเดินหน้าทำในเวลานี้คือลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของตลาด
“ไม่มีใครรู้ว่าตลาดจะกลับตัวเมื่อใด แต่เราจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับตลาดที่จะฟื้นตัวกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างตลาด ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำตลาดให้ทันสมัย และเตรียมพร้อมให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ทั้งนี้ HKEX ได้วางแผนที่จะยกระดับความน่าสนใจของตลาดผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่
- Market เช่น การลดระยะเวลาดำเนินการนำหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาด, ปรับปรุงบริการและค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
- Listing Framework เช่น ลดการใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ, เพิ่มการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG
- New Products เช่น ออกหน่วยลงทุน ETF ที่อิงกับตลาดหุ้นของซาอุดีอาระเบีย, เปิดให้ซื้อขายหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 8 หลักทรัพย์, สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของพันธบัตรรัฐบาลจีน