สำนักข่าว Bloomberg จัดทำรายงานพิเศษ โดยมีเป้าหมายเพื่ออธิบายน้ำหนักความสำคัญของประเด็นปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมทรัสต์มูลค่า 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความพยายามของหน่วยงานกำกับดูแลของจีนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่พยายามงัดมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อจัดการไม่ให้อุตสาหกรรมทรัสต์ ซึ่งเป็นเสมือนธนาคารเงา (Shadow Bank) ของประเทศ เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารทั่วไป กลายเป็นชนวนปัญหาให้กับอุตสาหกรรมการเงินโดยรวมของจีน
รายงานระบุว่า ปัญหาในอุตสาหกรรมทรัสต์เริ่มปะทุให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เมื่อบริษัททรัสต์ที่เชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่ทางการเงิน Zhongzhi Enterprise Group Co. พลาดการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงหลายรายการ ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนไหวที่นักลงทุนจำนวนมากกังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
โดยทรัสต์หมายถึงบริษัทที่มีการควบคุมอย่างหลวมๆ ซึ่งรวบรวมเงินออมของครัวเรือน เพื่อนำเสนอเงินกู้และลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยที่ผ่านมาทรัสต์เคยถูกมองว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับชาวจีนผู้มั่งคั่งที่จะฝากเงินไว้เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่บริษัททรัสต์ได้ผิดนัดชำระผลิตภัณฑ์การลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และอุตสาหกรรมหดตัวลงประมาณ 20% จากจุดสูงสุดในปี 2017 เมื่อหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มควบคุมส่วนเกินของ Shadow Bank ของประเทศ
ในส่วนของ Zhongzhi เป็น Shadow Bank ยักษ์ใหญ่ที่มีความสนใจในบริษัททรัสต์ ก่อตั้งในปี 1995 โดย Xie Zhikun ผู้สร้างบริษัทให้กลายเป็นอาณาจักรที่แผ่กิ่งก้านสาขา Xie เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนต้องล็อกดาวน์เพราะโควิด และทำให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวและเพิ่มความผันผวนในตลาดทุน
ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ในการจัดการดูแลประมาณ 1 ล้านล้านหยวน โดยหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญที่สุดคือการถือหุ้น 33% ใน Zhongrong Trust ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ 270 รายการ มูลค่ารวม 3.95 หมื่นล้านหยวนที่จะครบกำหนดในปีนี้ ตามข้อมูลของ Use Trust โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอยู่ที่ 6.88% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5% หนึ่งปีที่ธนาคารกำหนด
รายงานระบุว่ามีบริษัท 3 แห่งกล่าวเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ว่าพวกเขาไม่ได้รับการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ออกโดยบริษัท Zhongzhi และบริษัทที่เชื่อมโยงกันอย่าง Zhongrong ขณะที่ทางผู้จัดการความมั่งคั่งของ Zhongzhi ได้ขอโทษลูกค้าโดยกล่าวว่า กลุ่มความมั่งคั่งของกลุ่มได้ตัดสินใจที่จะชะลอการชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม เหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักลงทุนมากกว่า 150,000 ราย ซึ่งมียอดการลงทุนรวม 2.3 แสนล้านหยวน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หุ้นจีนร่วงลงตามการตอบสนอง และเงินหยวนอ่อนค่าสู่ระดับอ่อนค่าที่สุดในปีนี้
ด้านผู้กำกับดูแลการธนาคารของจีนอย่าง The National Administration of Financial Regulation ได้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อประเมินหนี้คงค้างและความเสี่ยงของ Zhongrong ที่จะมีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยเบื้องต้นหน่วยงานกำกับดูแลกำหนดให้ Zhongrong รายงานแผนการชำระเงินในอนาคตและสินทรัพย์ที่มีอยู่ที่สามารถกำจัดเพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพคล่องได้
ขณะนี้รัฐบาลของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้เพิ่มความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของจีน นักลงทุนต่างค่อนข้างกังวลกับการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของประเทศจากข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด และความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในภาคอสังหายักษ์ใหญ่ โดยสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยโดยธนาคารจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นสัญญาณของความต้องการที่ลดลงจากภาคธุรกิจและผู้บริโภค
แม้ว่า Country Garden Holdings Co. หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหารายใหญ่ที่สุดของประเทศกำลังอยู่ในภาวะผิดนัดชำระหนี้ แต่วิกฤตที่ Zhongzhi ทำให้ตระหนักว่าอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารของจีนที่มีการควบคุมไม่ดีอาจไม่มีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของ ‘คลื่นกระแทก’ ซึ่งสามารถกระจายได้อย่างรวดเร็วและทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง จนกลายเป็นวิกฤตความเชื่อมั่นซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนไม่ต้องการมองเห็น
แม้ว่าปัญหาทางการเงินในธุรกิจอสังหาจะค่อนข้างจำกัด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทจัดการทรัสต์และความมั่งคั่งมีศักยภาพมากกว่าที่จะกระจายไปกระทบนักลงทุนแบบ ‘mom-and-pop’ บุคคลหรือองค์กรที่ร่ำรวย
เมื่อถามว่าวิกฤตอสังหาคือต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นใน Zhongzhi หรือไม่ Bloomberg อธิบายว่า ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน และสิ่งที่รู้ในเวลานี้ก็คือบรรดาบริษัททรัสต์ของจีนนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เชื่อมโยงกับนักพัฒนาอสังหา และในอดีตก็มีการผิดนัดชำระกับพวกเขา โดยอสังหาคิดเป็น 11% ของสินทรัพย์ทรัสต์ภายใต้การบริหารของ Zhongrong มูลค่า 629 พันล้านหยวน ตามรายงานประจำปีปีที่แล้ว โดย Zhongrong เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าซื้อหุ้นในโครงการอสังหาอย่างน้อย 10 โครงการ ภายใต้การเดิมพันว่าโครงการบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จเหล่านั้นจะได้เงินสดมาชำระกองทุนอสังหาที่ได้รับการสนับสนุนจำนวน 2.3 แสนล้านดอลลาร์ที่บริษัทได้ออกให้กับนักลงทุน แต่ความหวังในการฟื้นตัวของตลาดอสังหานั้นกลับทำให้เดิมพันดังกล่าวไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง
วันเดียวกันมีรายงานว่าบรรดานักลงทุนต่างชาติกำลังสูญเสียความสนใจในจีน รวมถึงหมดความสนใจในเฮดจ์ฟันด์ที่เกี่ยวข้องกับจีน ซึ่งข้อมูลจาก Preqin พบว่า จำนวนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มุ่งเน้นไปที่จีนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012 โดยมีกองทุนใหม่เพียง 5 กองทุนที่เปิดตัวในปี 2023 ตามข้อมูลสิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน
การหดตัวดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างประเทศในจีน ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของกองทุนใหม่ในเอเชียในปี 2021 เนื่องจากนักลงทุนต่างพยายามที่จะพึ่งพากระแสของเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ครั้งหนึ่งเคยผันผวน ขณะที่การปราบปรามบริษัทเอกชนในอุตสาหกรรมต่างๆ ของรัฐบาลจีน เช่น การสอนพิเศษหลังเลิกเรียนและอีคอมเมิร์ซ ตลอดจนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ผลตอบแทนอ่อนแอตั้งแต่นั้นมา และทำให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจสินทรัพย์ของจีนลดลง
อ้างอิง: