“การพัฒนาหนังโฆษณาไทยประกันชีวิตไม่ได้พัฒนาเพื่อโฆษณา แต่พัฒนาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนในสังคมได้ฉุกคิดและหันกลับมามองสังคมไทย” นี่คือประโยคที่คุณไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เคยพูดไว้ และทำให้เข้าใจทันทีว่า เพราะเหตุใด ‘ไทยประกันชีวิต’ ถึงเป็น The Original Sadvertising ต้นแบบหนังโฆษณารักเรียกน้ำตาที่เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก ให้ข้อคิด และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยมากว่า 20 ปี
ที่หยิบเรื่องนี้มาพูด เพราะล่าสุดไทยประกันชีวิตสร้างปรากฏการณ์ไวรัลอีกครั้ง หลังเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ‘Live Life to the Fullest’ ไม่กี่วันก็แตะ 6 ล้านวิวตามคาด กลายเป็นกระแสพูดถึงในวงกว้าง และยังคงเรียกน้ำตาพร้อมกระตุ้นให้คนดูฉุกคิดและเห็นถึงคุณค่าของชีวิต ความรัก และครอบครัว รักษาความเป็นต้นตำรับ Sadvertising ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
เบื้องหลังแนวคิดแคมเปญ ‘Live Life to the Fullest’ ในปีนี้ ไทยประกันชีวิตหยิบเอาแง่มุมเรื่อง ‘คุณค่าของเวลา’ มาพัฒนาเป็นภาพยนตร์โฆษณา เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนฉุกคิดว่า เราใช้ ‘เวลา’ กับคนที่เรารักอย่างมี ‘คุณค่า’ เพียงพอหรือยัง? พร้อมชวนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘ต้องรอให้ถึงวันสำคัญเหรอ ถึงจะใช้เวลาดีๆ ร่วมกันได้’
เพราะไม่มีทางรู้เลยว่า ‘เรา’ หรือ ‘แม่’ ใครจะเหลือเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันมากกว่ากัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้เวลาดูแลกันให้มากที่สุดในทุกวินาทีที่เหลืออยู่ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ไทยประกันชีวิตเลือกปล่อยหนังโฆษณาในเดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับช่วงวันแม่ เพื่อย้ำเตือนให้เราฉุกคิดว่า ‘ไม่ต้องรอให้ถึงวันแม่’ ไม่ต้องรอโอกาส ไม่ต้องรอวันพิเศษ เพราะทุกวันคือวันพิเศษ
‘Live Life to the Fullest’ พาเราไปดูเรื่องราวความรักของแม่ลูกคู่หนึ่งที่ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขในทริปเที่ยวทะเล แฟนหนังโฆษณาไทยประกันชีวิตคงเดาทางได้ว่านี่ต้องเป็นทริปสุดท้ายของทั้งคู่แน่ๆ
แต่สิ่งที่ฮุกคนดูอยู่หมัดไม่ใช่เวลาที่หมดไปของแม่ แต่เป็นช่วงเวลาที่หนังพาเราย้อนกลับไปยังช่วงที่ ‘เคยเหลืออยู่’ ที่มันช่างดูคล้ายกับชีวิตของคนไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหน หน้าที่การงานและภาระของชีวิตก็บีบบังคับให้ต้องอยู่ห่างบ้าน ห่างครอบครัว ห่างคนที่เรารัก แม้จะอยากดูแลและใช้เวลากับแม่ให้มากที่สุดก็ตาม ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้คือรอวันหยุด รอโอกาสพิเศษ เพื่อจะกลับไปใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และระหว่างนั้นก็ทำได้เพียงส่งข้อความและโทรหาเสมอๆ
และต่อให้แม่คิดถึง อยากใช้เวลาอยู่กับลูกมากแค่ไหน แต่เพราะเข้าใจ “ว่างๆ ค่อยมาก็ได้” จึงกลายเป็นประโยคปลอบใจทั้งฝ่ายคน ‘รอให้มาหา’ และฝ่ายคน ‘รอให้มีเวลา’ จนอาจไม่ทันฉุกคิดว่าทุกอย่างอาจสายเกินไป
‘อย่ารอที่จะทำให้ทุกวันเป็นวันที่มีความหมายก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป’ คือบทสรุปที่ได้หลังจากที่หนังพาเราเดินทางผ่านตัวอักษรของแม่ที่เขียนไว้ในจดหมายก่อนที่ตัวเองจะลาจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง
ข้อความที่เรียบง่าย เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ท่วมท้นไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความเข้มแข็งของแม่ แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังเลือกที่จะให้กำลังใจและย้ำเตือนให้ลูกรู้ว่าที่ผ่านมาลูกทำดีที่สุดแล้ว อย่าอยู่กับความรู้สึกผิดเมื่อแม่จากไป เพื่อที่ลูกจะได้มีความทรงจำดีๆ และใช้ชีวิตต่อไปได้ในวันที่แม่ไม่อยู่แล้ว
ถ้าถามว่าซีนไหนทรงพลังที่สุด คงเป็นซีนที่แม่มองไม้ไอศกรีมที่ว่างเปล่า แล้วพูดว่า “ไปได้ล่ะ” เพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่ในสายตาของแม่ที่มองไม้ไอศกรีมเหมือนกำลังจะบอกว่าช่วงเวลาดีๆ ตอนนี้มันหมดแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องร่ำลา และตัวของลูกเองก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปให้มีความหมายเช่นกัน ภาพตัดไปที่สีหน้าและแววตาของลูกถึงจะเข้าใจแต่มันก็กล้ำกลืนกับสิ่งที่ได้ยิน เชื่อว่าแทบทุกคนเวลาที่ต้องกลับไปหาพ่อแม่หรือคนที่รัก เวลาที่ใจหายที่สุดคือตอนที่รู้ว่าหมดเวลาของวันนี้แล้ว จำเป็นต้องไปถึงใจจะอยากอยู่ต่อก็ตาม
มันเป็นซีนที่เงียบ เรียบง่าย แต่ท่วมท้นไปด้วยหลายความรู้สึก ยิ่งพอรู้ว่านี่คือช่วงเวลาของการพบกันครั้งสุดท้าย ลองนึกถึงตัวเองถ้าต้องนั่งอยู่ตรงนั้น ต่อให้มีคำพูดมากมายก็บรรยายความรู้สึกได้ไม่หมด
เชื่อว่ายังมีอีกหลายซีนที่สร้างอารมณ์ร่วมและกระตุกต่อมคิดถึงแม่ต่างกัน บางคนอาจจะน้ำตาคลอตั้งแต่ตอนที่แม่ขอเงินลูกไปซื้อน้ำอัดลมแล้วก็ได้ หรืออาจจะเป็นคุณที่ปล่อยโฮตอนที่ลูกวิดีโอคอลคุยกับแม่ แต่สิ่งที่เรามั่นใจแน่ๆ คือหลังดูภาพยนตร์โฆษณาตัวนี้จบ คุณจะเข้าใจว่าเพราะอะไร ‘วันไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับวันนี้ เดี๋ยวนี้’ และมากกว่า 90% จะโทรหาแม่หรือคนที่คุณรัก
ต้องยอมรับว่าไทยประกันชีวิตยังคงรักษาเอกลักษณ์การร้อยเรียง Storytelling ด้วยการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม สมศักดิ์ศรีกับตำแหน่ง The Original Sadvertising ต้นตำรับหนังโฆษณารักเรียกน้ำตา เพราะปล่อยแต่ละเรื่องออกมาเรียกน้ำตาได้ทุกเรื่อง!
ที่สำคัญในภาพยนตร์โฆษณาทุกเรื่องที่ทำมาตลอด 20 ปี แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่หนังโฆษณาขายสินค้า แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ผู้ชมตระหนักคิด สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ให้คุณค่าและเชื่อมั่นในความรักของครอบครัว คนรอบข้าง และคนในสังคม ภายใต้แนวคิด ‘ให้รักดูแลชีวิต’ บนพื้นฐานการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรัก และคุณค่าของมนุษย์ (Value of Life, Value of Love & Value of People)
มาทำชีวิตทุกวันให้มีความหมายไปกับภาพยนตร์โฆษณาไทยประกันชีวิตได้ที่เว็บไซต์: https://www.thailife.com Facebook: @thailifepage หรือ https://www.facebook.com/thailifepage
LINE: @thailifeinsurance
IG: @thailifeinsurance
Twitter: @ThaiLifePlc