เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 7.57 พันล้านบาท (ลดลง 1%QoQ เพิ่มขึ้น 20%YoY) ต่ำกว่าประมาณการที่ 9.3 พันล้านบาท และประมาณการของ Consensus ที่ 8.4 พันล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) จำนวน 1.96 พันล้านบาท
สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 4Q65 มีดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าคาด โดย NPL ลดลง 9%QoQ ส่งผลทำให้อัตราส่วน NPL ลดลง 20 bps QoQ และ Credit Cost ลดลง 30 bps QoQ สู่ 1.16% ใน 4Q65 ส่งผลทำให้ Credit Cost ปี 2565 อยู่ที่ 1.24% LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 230% ณ 3Q65 สู่ 261% ณ 4Q65
- การเติบโตของสินเชื่อลดลง 4%QoQ (จากการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จำนวนมาก) เพิ่มขึ้น 4%YoY แย่กว่าคาด
- NIM สูงกว่าคาดอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้น 35 bps QoQ เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 49 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 17 bps QoQ
- Non-NII ลดลง 37%QoQ (ลดลง 53%YoY) โดยเกิดจากการขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL จำนวน 1.96 พันล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 1%QoQ (ลดลง 9%YoY)
สำหรับปี 2565 Non-NII ลดลง 30% (กำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL และเงินลงทุนและ NPA ลดลง) และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 6% (รายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุนลดลง)
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้น 629 bps QoQ ตามฤดูกาล แต่ลดลง 283 bps YoY ใน 4Q65 และลดลง 82 bps ในปี 2565
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ ราคาหุ้น BBL ปรับลดลง 1.62%DoD อยู่ที่ระดับ 152.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.69%DoD อยู่ที่ระดับ 1,676.90 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ของ BBL เพิ่มขึ้น 8% โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 45% (เทียบกับ 11% ในปี 2565) และปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น 15 bps เพื่อสะท้อนการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 40 bps ในเดือนมกราคม ซึ่งมากกว่าการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับปี 2566 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5% NIM จะขยายตัว 28 bps Credit Cost จะลดลง 9 bps และ Non-NII จะเพิ่มขึ้น 7%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research คงเรตติ้ง OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นสู่ 180 บาทต่อหุ้น (0.64 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น และคาดกำไร 1Q66 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ
- ผลกระทบจาก FinTech
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 12 หุ้นปันผล 2565 ขึ้น XD (9-12 พ.ค. 2565) อัตราปันผลสูงเกิน 5% ขึ้นไป
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65