×

ย้อนรอยการล่มสลายของ Three Arrows Capital จากดาวรุ่งคริปโตมูลค่าหมื่นล้านสู่หายนะนักลงทุน

12.07.2022
  • LOADING...
Three Arrows Capital

ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ต้องมีการบันทึกไว้สำหรับ Three Arrows Capital หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ 3AC เพราะเมื่อย้อนกลับไปเพียงไม่นานคือช่วงเดือนมีนาคม 3AC มีสินทรัพย์ในการบริหารจัดการราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในโลก

 

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่เดือนถัดมา จากดาวรุ่งก็กลายเป็นดาวร่วง เมื่อ 3AC ต้องยื่นเอกสารต่อศาลขอล้มละลาย โดยมีเหตุผลหลักๆ ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่าสินทรัพย์ที่หายไป เพราะราคาคริปโตที่ดิ่งลงอย่างหนัก บวกกับกลยุทธ์การเทรดในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ทำให้สินทรัพย์กองทุนร่อยหรอจนถึงขั้นไม่สามารถจ่ายคืนให้กับนักลงทุนได้

 

กลายเป็นบทเรียนราคาแพงแสนสาหัสสำหรับนักลงทุนคริปโตทั้งมือใหม่และมืออาชีพกันถ้วนหน้า

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สถานการณ์ของ 3AC อาจเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่แห่งความเจ็บปวด เพราะ 3AC มีรายชื่อคู่สัญญาหรือบริษัทคู่ค้าที่นำเงินไปลงทุนใน 3AC ยาวเหยียด ดังนั้นการล้มของ 3AC จึงอาจฉุดให้บริษัทคู่ค้าเหล่านี้ล้มตามไปด้วยประหนึ่งโดมิโน และอาจเลวร้ายถึงขั้นที่ทำให้คริปโตทั้งวงการได้รับผลกระทบอย่างหนัก

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า แพลตฟอร์มซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคริปโตอย่าง Blockchain.com ได้นำเงินไปลงทุนใน 3AC มูลค่า 270 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทนายหน้าซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Voyager Digital ก็ดำเนินการยื่นฟ้อง เพื่อป้องกันการล้มละลายในบทที่ 11 หลังจากที่ 3AC ไม่สามารถจ่ายคืนเงินกู้จำนวนประมาณ 670 ล้านดอลลาร์ที่ 3AC ยืมมาจากบริษัทได้

 

นอกจากนี้บริษัทชั้นนำในแวดวงสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Genesis และ BlockFi ผู้ให้กู้คริปโตในสหรัฐฯ, แพลตฟอร์มอนุพันธ์คริปโต BitMEX และแพลตฟอร์มซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคริปโตอย่าง FTX ก็ประสบปัญหาขาดทุนเช่นกัน

 

นิค คาร์เตอร์ หุ้นส่วนที่ Castle Island Ventures ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การลงทุนบล็อกเชน กล่าวว่า เครดิตกำลังถูกทำลาย และมาตรฐานการรับประกันกำลังเข้มงวดมากขึ้น กลายเป็นภาวะเสี่ยงต่อการล้มละลาย ดังนั้นทุกคนจึงพากันหนีความเสี่ยงด้วยการถอนสภาพคล่องออกจากผู้ให้กู้คริปโต

 

ทั้งนี้ กลยุทธ์ของ Three Arrows เกี่ยวข้องกับการยืมเงินจากทั่วทั้งอุตสาหกรรม จากนั้นจึง Turn Around และลงทุนในโครงการคริปโตอื่นๆ ซึ่งโดยมากมักจะเป็นโครงการคริปโตที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นเพียงไม่นาน โดย 3AC เป็นบริษัทที่มีมานานกว่าทศวรรษ ซึ่งช่วยให้ผู้ก่อตั้งอย่าง จูซู และ ไคล์ เดวีส์ มีความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมที่แวดล้อมไปด้วยมือใหม่

 

แต่นั่นหมายความว่า ราคาสินทรัพย์คริปโตจะต้องอยู่ในระดับดี ไม่ใช่ร่วงลงหนักเหมือนในปัจจุบัน

 

สำหรับการล่มสลายของ Three Arrows Capital สามารถสืบย้อนไปถึงการล่มสลายในเดือนพฤษภาคมของ terraUSD (UST) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

 

โดยความมั่นคงของ UST อาศัยชุดรหัสที่ซับซ้อน โดยมีเงินสดน้อยมากในการสำรองรองรับข้อตกลงที่เกิดขึ้น แม้จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษามูลค่าไว้โดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของตลาดคริปโตในวงกว้าง นักลงทุนได้รับแรงจูงใจจากแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมที่เรียกว่า Anchor โดยให้ผลตอบแทน 20% ต่อปีจากการถือครอง UST ซึ่งเป็นอัตราที่นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าไม่ยั่งยืน

 

อัลเคช ชาห์ นักยุทธศาสตร์ด้านคริปโตระดับโลกและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Bank of America ระบุว่า การแก้ไขสินทรัพย์เสี่ยงควบคู่ไปกับสภาพคล่องที่น้อยลงได้เปิดเผยโครงการที่สัญญา APR ที่ไม่ยั่งยืนสูง ส่งผลให้เกิดการล่มสลายเช่น UST

 

ภาวะตื่นตระหนักจากการล่มสลายจึงทำให้เกิดการเทขายครั้งใหญ่ของ UST และโทเคน LUNA น้องสาวของบริษัท ทำให้นักลงทุนขาดทุนกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์

 

“การล่มสลายของ terraUSD และ LUNA เป็นฐานราก” นิก บาเทีย ศาสตราจารย์ด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ผู้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเมื่อปีที่แล้วในหัวข้อ Layered Money กล่าว ก่อนอธิบายว่า การล่มสลายของ 3AC ถือเป็นโดมิโนตัวแรกที่ตกอยู่ใน “ห่วงโซ่อำนาจและการฉ้อโกงที่ยาวนานและน่าหวาดเสียว”

 

โดยทาง 3AC เปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่า ได้ลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ใน LUNA ขณะที่รายงานอุตสาหกรรมอื่นๆ กล่าวว่า ไม่ว่าการสูญเสียจะเป็นอย่างไร การลงทุนนั้นก็ไร้ค่าเมื่อโครงการ Stablecoin ล้มเหลว

 

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การมุ่งลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงที่เชื่อมั่นมากเกินไปของ 3AC ไม่เพียงแต่ไม่ป้องกันความเสี่ยงใดๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนเจ้าหนี้ระเหยไปหลายพันล้าน

 

ผู้ให้กู้ของ 3AC ต่างขอเงินคืนจากการเรียกหลักประกันจำนวนมาก แต่กลับไม่มีเงินอยู่ที่นั่น ในทางกลับกัน คู่สัญญาของบริษัทหลายแห่งก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการจากนักลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงผู้ค้าปลีกที่ได้รับสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนปีละ 20%

 

บาเทีย ศาสตราจารย์ด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ 3AC ควรจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบได้แล้ว

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X