เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เผยเป้าหมายธุรกิจปี FY2023 (เมษายน 2022 – มีนาคม 2023) โดย EPG ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 12-15% สำหรับธุรกิจยานยนต์ (ARK, 50% ของรายได้) ซึ่งคาดว่ารายได้จะเติบโต 20-23% แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน 2HFY23 อันเป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนชิปที่ค่อยๆ คลี่คลาย การดำเนินงานของ TJM ที่ปรับตัวดีขึ้น
และการรวมผลการดำเนินงานของกิจการที่เข้าซื้อมาใหม่คือ 4 Way ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์ในกลุ่มของ Suspension Products และชุดตกแต่งสำหรับรถกระบะในออสเตรเลีย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2022
ธุรกิจฉนวน (AFC, 27% ของรายได้) EPG คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-12% โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ (48% ของรายได้ของ AFC) และผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (EPP, 23% ของรายได้) คาดรายได้จะเติบโต 5-8% โดยได้รับการสนับสนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ดีขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยหนุนให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ EPG ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมที่ 29-32% (จาก 31.7% ในปี FY2022) ท่ามกลางราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น (PP, PS, PET และ HDPE ที่เพิ่มขึ้น 14%YoY และ 5%QoQ โดยเฉลี่ยใน 2QTD) ตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ แต่ EPG เปิดเผยว่าบริษัทมีสต๊อกวัตถุดิบราคาต่ำเพียงพอสำหรับใช้ในการผลิตจนถึงเดือนพฤศจิกายน
สำหรับ AFC ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุด EPG ได้ปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ฉนวนตั้งแต่เดือนมกราคม เพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้น สำหรับ ARK อัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นหลังจากรวมผลการดำเนินงานของ 4 Way (อัตรากำไรขั้นต้นของ 4 Way อยู่ที่ราว 43% เทียบกับ ARK ที่ราว 33%)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น EPG ปรับลดลง 1.03%MoM อยู่ที่ระดับ 9.60 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.47%MoM อยู่ที่ระดับ 1,561.10 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2023:
แม้ราคาหุ้น EPG ปรับตัวลดลงมาแล้ว 13%YTD โดยเทรดที่ PE 16 เท่า (-1SD) แต่ SCBS มองว่าราคาหุ้นจะยังขาดปัจจัยกระตุ้นในช่วงสั้น ขณะที่คาดว่ากำไรปกติปี FY2023 (เมษายน 2022 – มีนาคม 2023) จะเติบโต 11% โดยอิงกับรายได้รวมที่เติบโต 15% และอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมที่ 31.3% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท
อย่างไรก็ตาม กำไรเพิ่มเติมจากการรวมผลการดำเนินงานของ 4 Way จะถูกหักล้างโดยธุรกิจของ ARK ที่จะชะลอตัวใน 1HFY23 และคาดว่ากำไรจะเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นใน 2HFY23 (ตุลาคม 2022 – มีนาคม 2023) โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจของ AFC และ ARK ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจยานยนต์ และการรวมผลการดำเนินงานของ 4 Way
สำหรับระยะสั้นกำไรใน 1QFY23 (เมษายน-มิถุนายน 2022) คาดว่าจะลดลง YoY จากฐานสูงของธุรกิจยานยนต์ แต่จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ โดยอิงกับมุมมองที่ว่าปัญหาขาดแคลนชิปจะค่อยๆ คลี่คลาย
ทั้งนี้ Upside ต่อประมาณการที่ต้องจับตา คือธุรกิจยานยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้น และเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือราคาวัตถุดิบหลักมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของ EPG และต่อเนื่องมาถึงรายได้ของบริษัท