ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนเลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนต้องอยู่ท่ามกลางข้อจำกัด และสิ่งแวดล้อมอันเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต ซึ่งกระตุ้นให้เกิดชีวิตวิถีใหม่แบบ ‘New Normal’ ที่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เรื่อยมาจนถึง ‘ความปกติถัดไป’ หรือ ‘Next Normal’ ซึ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัย จึงได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาพัฒนาขึ้นเพื่อลดการสัมผัสมุ่งสู่ ‘สังคมไร้การสัมผัส’ (Touchless Society) จนล่าสุดก็ได้เกิดเทรนด์ใหม่อีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ‘Now Normal’ ซึ่ง THE STANDARD คิดว่ากำลังมาแรง และน่าสนใจมากๆ จึงอยากจะอาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระแสดังกล่าวกัน
รู้จัก ‘Now Normal’ ชีวิตวิถีใหม่ของวันนี้ เมื่อเทรนด์การใช้ชีวิตเป็นเรื่องของ ‘ปัจจุบัน’
ผลงานวิจัยเรื่อง ‘The New Norms’ How Life Will Unfold After COVID-19’ โดยมายด์แชร์ ประเทศไทย (Mindshare Thailand) มีเดียเอเจนซีในเครือกรุ๊ปเอ็ม ได้อธิบายไว้อย่างน่าสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนอันจะทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ในสังคมหลังวิกฤตการแพร่ระบาดโควิดเอาไว้ว่า “ดิจิทัลไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งของชีวิต แต่คือ ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ การดำรงชีวิตของมนุษย์” เพราะเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนทั่วโลกต่างก็ได้กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการยังยั้งและป้องกันการแพร่ระบาด เร่งปฏิกิริยาให้ประชาชนและผู้บริโภคอย่างเราจำเป็นต้องปรับตัวเองให้สามารถใช้บริการดิจิทัล ซึ่งแทรกซึมไปอยู่ในทุกภาคส่วนของการใช้ชีวิตกันอย่างจริงจังขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายออนไลน์ผ่าน E-Commerce บริการ Delivery ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ บริการ E-Payment ผ่าน E-Wallet เพื่อลดการสัมผัส ไปจนถึงชีวิตการทำงาน ซึ่งทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ได้โดยไม่ต้องไปรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ทั้งนี้ นอกจากเทคโนโลยีดิจิทัลจะมอบความสะดวกสบายแล้ว ยังมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) ผสานเข้าไปอยู่ในทุกอณูชีวิตของผู้คน ซึ่งนี่เองคือที่มาของคำว่า ‘Now Normal’ ชีวิตวิถีใหม่ของวันนี้ ที่ผู้คนต่างก็มองหาประสบการณ์แบบครบวงจร (Total Experience) เพราะหลังจากที่ผู้คนต่างก็ได้ปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ก็ย่อมกลายเป็น ‘พลเมืองดิจิทัล’ (Digital Citizen) ผู้มี Digital Skill หรือทักษะดิจิทัลสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ ผสานทั้งชีวิตออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์ และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงคอนเซปต์ของ Now Normal กันให้ดียิ่งขึ้น เรามีตัวอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นภาพของเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างดีมากๆ นั่นคือแคมเปญ ‘Life on LINE’
ถอดรหัส ‘Life on LINE’ เพื่อชีวิตวิถีใหม่ของวันนี้
หนังโฆษณาความยาวเพียงแค่ 1 นาทีครึ่ง
แต่ขยายภาพผู้คนในยุค Now Normal ได้อย่างเป็นรูปธรรม เข้าใจง่าย
หากพูดถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถผสานชีวิตทั้งออฟไลน์และออนไลน์ของคนไทยเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วละก็ แน่นอนว่าทุกคนย่อมนึกถึง LINE ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ตอบโจทย์ครบจบในที่เดียวสำหรับผู้บริโภคในยุค Now Normal นี้เป็นแน่ และเมื่อเร็วๆ นี้ทาง LINE ก็เพิ่งออกแคมเปญ #LifeonLINE ขึ้นมาเพื่อสานต่อความสำเร็จของ LINE ซึ่งมีผู้ใช้งานครบ 50 ล้านราย แสดงถึงความไว้วางใจของผู้ใช้ทั่วไทยที่มีต่อแพลตฟอร์ม LINE ในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันในด้านต่างๆ สำหรับทุกคน ซึ่ง THE STANDARD ขอพาทุกคนไปถอดรหัสความคูลของแคมเปญนี้กัน
หนังโฆษณาชุดนี้มีความยาวเพียงแค่ 1 นาทีครึ่ง แต่กลับขยายภาพวิสัยทัศน์ของ LINE ได้อย่างน่าสนใจ ผ่านทุกจังหวะการใช้ชีวิตบนแพลตฟอร์ม LINE ของผู้คนในยุค Now Normal ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจน และเข้าใจง่าย สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันตั้งแต่นาทีแรกที่ตื่นนอนขึ้นมาใช้ชีวิตเริ่มต้นวันใหม่อย่างสนุกสนานไปกับเรื่องราวของโลกรอบตัวที่เกิดขึ้นได้พร้อมๆ กัน อาทิ
Starting The Day: นำเสนอภาพหนุ่มสาววัยทำงานรุ่นใหม่ ที่ตั้งแต่ตื่นนอนมาก็เริ่มชีวิตประจำวัน จับโทรศัพท์เพื่อเช็กข้อมูลข่าวสารผ่าน LINE TODAY โทรหากันผ่าน LINE Call และส่งข้อความผ่าน LINE Chat เพื่อให้สามารถติดตามข่าวสารความเป็นไปของโลก และไม่พลาดการติดต่อสื่อสารถึงกัน
Work Life: คนทำงานยุคใหม่ที่ Work from Home และเป็น Gig Worker เวลาทำงานต่างก็ใช้แพลตฟอร์ม LINE อำนวยความสะดวกด้วยการประชุมออนไลน์กันผ่าน LINE Meeting ช่วยไม่ให้พลาดการติดต่อ เวลาที่เร่งรีบก็ส่งข้อความหากันด้วย LINE Chat กันได้อย่างง่ายดาย
Passion: ในส่วนนี้ได้สื่ออาชีพดีไซเนอร์ แชร์ผลงานและ Passion ความหลงใหลของตัวเอง เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ร่วมชื่นชมผ่าน LINE TIMELINE ทั้งยังเป็นช่องทางในการสร้างตัวตน และประชาสัมพันธ์ผลงานผ่านโซเชียลมีเดียของ LINE ได้อีกด้วย
Slow Life: ในพาร์ตนี้เราจะได้เห็นถึงช่วงเวลาระหว่างวันที่ไม่ได้เร่งรีบ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกภายในครอบครัวผ่านคุณยายและหลานชายคู่หนึ่ง โดยมีแมวสีสวาดเป็นตัวเชื่อม ซึ่งเมื่อคุณยายถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงแสนรักประจำบ้านส่งไปให้คุณหลานดู คุณหลานก็อัปโหลดขึ้น LINE TIMELINE แสดงให้เห็นถึงการใช้แพลตฟอร์ม LINE ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนทุกความสัมพันธ์ ทุกเจเนอเรชัน ส่งความคิดถึงความห่วงใยไปหากันในช่วงเวลาระหว่างวัน
Sale & Shopping: เรื่องราววกกลับมาที่ดีไซเนอร์ที่อัปโหลดสินค้าลงในร้านค้าบน LINE SHOPPING ด้วย MyShop ซึ่งเป็นโซลูชันหมัดเด็ดช่วยบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ และมีลูกค้ากดซื้อ แสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถที่จะทำการค้าซื้อขายสินค้ากันผ่านแพลตฟอร์ม LINE ได้อย่างง่ายดาย โดยชำระเงินผ่าน Rabbit LINE Pay ซึ่งช่วยให้คนยุคใหม่ต่างก็สามารถทำอาชีพค้าขายออนไลน์ และช้อปสินค้าผ่านออนไลน์กันได้อย่างสะดวก
Happy Life: นอกจากนี้ในช่วงท้ายของภาพยนตร์สั้นชุดนี้เรื่อยไปจนถึงเวลาสิ้นสุดวันกระทั่งล้มตัวลงนอน เรายังจะได้เห็นทุกคนรับความสะดวกจากการใช้บริการ LINE MAN หิวก็สั่งอาหาร แถมยังเต็มไปด้วยลูกเล่นและฟีเจอร์การให้บริการอื่นๆ อย่าง LINE STICKER และ LINE MELODY ที่มาช่วยสร้างสีสันให้กับการสื่อสาร LINE Official Account ให้เกาะติดอัปเดตจากแบรนด์ต่างๆ และ LINE BK ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการเงินให้กับชีวิต ช่วยเชื่อมโยงผู้คนให้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ และสนุกกับโลกภายนอกได้ในเวลาเดียวกัน
สรุปโดยภาพรวมแล้วภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้สื่อสารให้ผู้ชมอย่างเราเข้าใจว่าชีวิตในแบบ ‘Life on LINE’ นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ชีวิตอยู่แค่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพียงเท่านั้น หากแต่เป็นการที่ผู้ใช้รู้จักและสามารถใช้แพลตฟอร์ม LINE อำนวยความสะดวกในการผสมผสานการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตขึ้นไปอีกขั้น สมกับที่เราเป็น ‘พลเมืองดิจิทัล’ ในยุค Now Normal