อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2% เป็นครั้งแรกในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ (15 ส.ค.) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าพันธบัตรอายุ 2 ปี หรือเกิด Inverted Yield Curve ขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดจากปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บวกกับกระแสคาดการณ์ภาวะชะลอตัวของเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนและเยอรมนี โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีหดตัวลงในไตรมาส 2 ขณะที่ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโตช้าสุดในรอบ 17 ปีในเดือนกรกฎาคม
เมื่อรวมกับปัจจัยลบของสงครามการค้า วิกฤตการเมืองในฮ่องกง และความไม่แน่นอนในกระบวนการ Brexit ก่อนหน้านี้ จึงทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง และหันไปถือครองพันธบัตรระยะยาวและทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนหรือบอนด์ยีลด์ในตลาดพันธบัตรถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้ที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากสถิติย้อนหลังไปจนถึงปี 1955 หากเกิดสัญญาณ Inverted Yield Curve ขึ้น มักมีนัยสำคัญต่อการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้
เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเกิด Inverted Yield Curve ในตลาดพันธบัตรว่าเป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดีนัก โดยเวลานี้มีหลายปัจจัยนอกเหนือไปจากกระแสคาดการณ์ในตลาดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวต่ำลง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: