ส่องวิสัยทัศน์ ผู้ว่า กฟผ. คนใหม่ เผยทุ่มงบปี 69 กว่า 2.2 หมื่นล้าน รุกเปลี่ยนผ่านพลังงาน พัฒนาโรงไฟฟ้า และระบบสายส่ง เดินหน้าจัดหา LNG โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ชี้ปีหน้าจับตาเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ ท้าทายภาคพลังงาน
วันที่ 5 ธ.ค. นรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยทิศทางการดำเนินงานหลังเข้ารับตำแหน่งว่า กฟผ. ว่า กฟผ.เตรียมเร่งขับเคลื่อนพลังงานสะอาดและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้า เพื่อรองรับเป้าหมาย Net Zero ปี 2050 และการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องการความมั่นคงด้านพลังงานสูง
โดยตั้งงบลงทุนปี 2569 รวมกว่า 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า 13,000 ล้านบาท งานปรับปรุงและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 9,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ กฟผ. เตรียมผลักดันโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ ได้แก่ โซลาร์ลอยน้ำบนเขื่อนภูมิพล ศรีนครินทร์ และวชิราลงกรณ รวมกำลังผลิต 1,638 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าอย่างน้อย 20% ภายในปี 2571
ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างศึกษาการใช้ ไฮโดรเจนผสมก๊าซธรรมชาติ 5% ในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนรวม 6 แห่ง เพื่อผลักดันเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำเข้าสู่ระบบไฟฟ้า รวมถึงเร่งเดินหน้าศึกษาและพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) รองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานและดีมานด์ไฟฟ้าจากกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์
รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้า กฟผ. เตรียมขับเคลื่อนโครงการ Grid Modernization เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบ และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC
จัดหาเชื้อเพลิง LNG สัญญาระยะยาวล้านตัน หวังช่วยลดต้นทุนค่าไฟ
สำหรับการจัดหาเชื้อเพลิง ต้นปีหน้า 2569 เตรียมเปิดประมูลสัญญาจัดหา LNG สัญญาระยะยาว 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งคาดช่วยลดต้นทุนก๊าซต่ำกว่าราคามาตรฐาน
โดยกกพ. พร้อมยืดอายุโรงไฟฟ้าต้นทุนต่ำ เช่น แม่เมาะและน้ำพอง และต่อยอดธุรกิจ LNG ผ่านบริษัทร่วมทุน พีอี แอลเอ็นจี ที่ได้รับอนุมัติลงทุนอุปกรณ์ Topside สำหรับสถานี LNG มาบตาพุดแห่งที่ 2 แล้ว
“เราเริ่มนำเข้า LNG แบบสัญญาระยะสั้น มาตั้งแต่ปี 2566 ราว 6 ลำเรือ ส่วนในปี 2567-2570 นำเข้าปีละประมาณ 15-20 ลำเรือ นำเข้ามาในราคาที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ กกพ.กำหนดทุกลำ หากเราได้สัญญาระยะยาว ก็จะทำให้ต้นทุนเราต่ำลงและราคาก็มีเสถียรภาพมากขึ้น”
สำหรับดูแลค่าไฟของประชาชน ปัจจุบัน กฟผ. เป็นผู้ดำเนินการหลัก ในการบริหารเรื่องเชื้อเพลิงที่พยายามจะหาแหล่งต้นทุนที่ต่ำที่สุด ขณะที่ภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. ที่แบกรับไว้ปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 กว่าล้านบาท
“จากเดิมที่เคยรับภาระกว่าแสนล้านบาท ต้องยอมรับว่ามีดอกเบี้ยที่สูง แต่ กฟผ. ก็ต้องดูแลค่าไฟให้กับประชาชนให้ถูกที่สุด ซึ่งต้องจัดการให้เกิดความสมดุลกันระหว่างสองทาง คาดว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันจะได้รับเงินคงค้างอยู่ภายในปี 2570”
ปีหน้า 2569 จับตาปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ลุ้นคลอดแผน PDP ฉบับใหม่
อย่างไรก็ตาม ปีหน้า 2569 ยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตามความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง หากแนวโน้มลดลงก็จะส่งผลให้ราคา LNG ลดลงตาม ซึ่งคาดว่าช่วงปีหน้าราคาจะอยู่ที่ระดับ 10-12 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
ขณะที่แผนการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของกฟผ. ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) หรือแผน PDP ฉบับใหม่
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องจากหลายภาคส่วนให้เพิ่มสัดส่วนของกฟผ.มากกว่า 50% เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องรอแผน PDP ใหม่ออกมาให้ชัดเจน ซึ่งคณะอนุกรรมการจัดทำแผน PDP อยู่ระหว่างการพิจารณา ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันโรงไฟฟ้าที่ยังเดินเครื่องอยู่มีกำลังการผลิตเพียงพอหรือไม่ รวมถึงการประเมินยืดอายุและยกเลิกการใช้งานโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการยืดอายุโรงไฟฟ้าแม่เมาะออกไปอีกซึ่งถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด
มองเปิดเสรีไฟฟ้า ‘โอกาสใหม่’
นรินทร์ เปิดเผยถึง หากมีการเปิดเสรีธุรกิจไฟฟ้าจะมีผลกระทบกับ กฟผ.อย่างไร หรือไม่นั้น “ผมมองว่าเป็นโอกาสของ กฟผ.ที่จะได้ทำอะไรใหม่ ๆ ซึ่ง กฟผ.เองก็ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว เช่น ภาครัฐเองก็มีโครงการนำร่อง Direct PPA”
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องมองต่อไป เมื่อเปิด Direct PPA ให้ Third Party แล้วก็ยังต้องมีคนมาดูแลความมั่นคงของระบบ และจะต้องผู้ที่พร้อม ทั้งการจ่ายไฟเข้าระบบโดยเฉพาะในกรณีที่ไฟฟ้าที่ซื้อขายกันไม่มี หรือ ไฟไม่มา ตรงนี้ก็เป็นโอกาสของกฟผ.ที่จะทำอะไรใหม่ๆ
“ในฐานะที่ กฟผ.เป็นผู้ ดูแลความมั่นคงให้กับระบบ ก็ต้องมีเครื่องมือที่จะใช้ บริหารจัดการได้อย่างเพียงพอในระดับหนึ่งด้วย” นรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: YoungNH/Getty image


