×

121 เสียงท้วงสันติภาพอาเซียน จี้ไทย–กัมพูชาลดตึงเครียดทันที รับมือวิกฤตชายแดน

โดย THE STANDARD TEAM
24.11.2025
  • LOADING...
121 เสียงท้วง สันติภาพ อาเซียน จี้ ไทย–กัมพูชา ลดตึงเครียดทันที รับมือ วิกฤตชายแดน

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 นักวิชาการ สื่อมวลชน และตัวแทนภาคประชาสังคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 121 คน ออกแถลงการณ์ปมความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา โดยแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดนของ 2 ประเทศ ชี้คุกคามสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค รวมถึงทำให้ชุมชนตามแนวชายแดนเสี่ยงอันตราย และสั่นคลอนคุณค่าหลักของอาเซียน โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

 

แถลงการณ์ 21 พฤศจิกายน 2568 พันธกิจต่อสันติภาพ ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในประเทศไทยและกัมพูชา

 

พวกเรา นักวิชาการ ปัญญาชน ตัวแทนภาคประชาสังคม และผู้รักสันติภาพ ที่สนับสนุนความยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์ฉบับนี้ถึงผู้นำไทย กัมพูชา และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อแสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดล่าสุดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ไม่เพียงแต่คุกคามสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคเท่านั้น หากยังทำให้ชุมชนตามแนวชายแดนตกอยู่ในความเสี่ยงอันตราย และสั่นคลอนคุณค่าหลักของอาเซียนที่ยึดมั่นในการสนทนา ความเคารพซึ่งกันและกัน และการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี

 

เรากล่าวถ้อยคำนี้ด้วยความนอบน้อมและความแน่วแน่ ด้วยเชื่อว่าสันติภาพมิใช่เป็นเพียงการปลอดสงคราม หากแต่ต้องประกอบด้วยความยุติธรรม ความรับผิดชอบ และความกล้าหาญทางจริยธรรมในอันที่จะร่วมมือกันท่ามกลางความหวาดระแวงและความไม่ไว้วางใจที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ความขัดแย้งย่อมนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวง การป้องกันโศกนาฏกรรมจึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งของบรรดาผู้นำประเทศ

 

เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย กัมพูชา และอาเซียน ดำเนินการอย่างทันท่วงทีร่วมกันบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยอาศัยหลักการสำคัญ 6 ประการดังนี้

 

1. การปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างเคร่งครัด

 

ปฏิญญาร่วมที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย หรือที่เรียกว่า “ความตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างครบถ้วน โดยปราศจากความล่าช้าและข้อยกเว้นใดๆ

 

1.1 เราขอสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทย เคารพเจตนารมณ์และตัวบทของข้อตกลง สันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างเคร่งครัด โดยขอเน้นย้ำว่า บทบัญญัติทั้งหมดจะต้องได้รับการนำไปปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรมและโปร่งใสโดยทันที ไม่ว่าจะเป็นกลไกการหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การเคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังทหารออกจากพื้นที่ และการงดเว้นจากการเผยแพร่หรือส่งเสริมข้อมูลเท็จ ข้อกล่าวหา การกล่าวโทษ รวมทั้งวาทกรรมที่ให้ร้ายต่อกันหรือสร้างความเกลียดชัง

 

1.2 ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์มิใช่ทางเลือก แต่เป็นพันธกรณีทางการเมืองที่มีผลผูกพันต่อผู้นำสูงสุดของรัฐบาล การบิดพลิ้วใด ๆ อาจสร้างความเสี่ยงให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชุมชนตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนความเชื่อมั่นในภูมิภาค และความน่าเชื่อถือของอาเซียน

 

1.3 เราขอให้ประธานอาเซียนแสดงบทบาทที่แข็งขัน เป็นกลาง และคงเส้นคงวา และเรียกร้องด้วยความเคารพให้ประธานอาเซียนและคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ปฏิบัติภารกิจของตนด้วยความเป็นมืออาชีพ ความถูกต้อง และความโปร่งใสอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ข้อผิดพลาดใด ๆ อาทิ ข้อบกพร่องในการสื่อสารและการเปิดเผยข้อมูลสำคัญของการดำเนินงานของคณะผู้สังเกตการณ์โดยไม่ระมัดระวังจะต้องไม่เกิดซ้ำอีก

 

2. จัดตั้งกลไกอิสระเพื่อการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส

 

เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยร่วมกันริเริ่มสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกกรณีอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง การตรวจสอบนี้ ควรนำโดยคณะทำงานอิสระเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดตามชายแดน

 

ทั้งนี้ รัฐบาลของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นภาคีอนุสัญญากรุงออตตาวา (ว่าด้วยการต่อต้านระเบิดสังหารบุคคล) ควรร่วมกันยื่นคำร้องต่อประธานอนุสัญญาฯ ให้จัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อปฏิบัติหน้าที่เชิงเทคนิคและเชิงคุณธรรมในการธำรงไว้ซึ่งความจริง สร้างหลักประกันภาระรับผิดชอบ และส่งเสริมความไว้วางใจ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 4 ของปฏิญญาร่วมฯ ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

 

3. ให้โอกาสสันติภาพได้ทำงานตามบรรทัดฐานระหว่างประเทศและภูมิภาคอย่างเต็มที่

 

เราเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในเจตนารมณ์และตัวบทของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และ สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation หรือ TAC) ที่ระบุว่าความขัดแย้งใด ๆ ที่มีแนวโน้มจะคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศและความมั่นคงในภูมิภาค จะต้องได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจา การตรวจสอบ การไกล่เกลี่ย การประนีประนอม กระบวนการอนุญาโตตุลาการ กลไกทางตุลาการ หรือวิธีการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีอื่นๆ

 

เราเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในมาตรา 33 ของกฎบัตรสหประชาชาติ
และมาตรา 22 ของกฎบัตรอาเซียน รวมถึงวัตถุประสงค์ทั้งหมดของ TAC ทั้งนี้ เราสนับสนุนให้ผู้นำทั้งสองประเทศพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมาธิการระดับสูง (High Council) ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 14 และ 15 ของ TAC เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการแก้ไขความขัดแย้งนี้

 

แม้ว่าการใช้กำลังทหารในการป้องกันตนเองจะมีความชอบธรรมตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่ควรถือเป็นทางเลือกสุดท้าย ทุกฝ่ายต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเป้าหมายหลักประการหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ คือ การป้องปรามการใช้กำลังทางทหารแต่ฝ่ายเดียวในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

4. ปกป้องสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

 

สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดตามแนวชายแดนจะต้องได้รับการปกป้อง ชุมชนที่ได้รับผลกระทบควรได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในการเจรจาในทุกระดับ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับภูมิภาค ทั้งนี้ การประเมินความต้องการ การปรึกษาหารือ และการชดเชย

 

ความเสียหายที่เป็นธรรมจะต้องเป็นแนวทางสำหรับการฟื้นฟูเยียวยา เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเสียงใดถูกละเลยในการกำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อสร้างสันติภาพ

 

5. ส่งเสริมการทูตภาคประชาชนและต่อต้านวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง

 

เราขอเรียกร้องให้เปิดพื้นที่สำหรับการพุดคุยของทุกฝ่าย เพื่อให้นักวิชาการ ภาคประชาสังคม ผู้กำหนดนโยบาย สื่อมวลชน ภาคธุรกิจ และชุมชนที่ได้รับผลกระทบเข้ามามีส่วนร่วม ในการเสริมสร้างความไว้วางใจ การปรองดอง และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในระยะยาว

 

ในขณะเดียวกัน ตัวแสดงที่มิใช่รัฐและผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์และสื่อกระแสหลัก (influencers) จะต้องปฏิบัติตนด้วยมาตรฐานระดับสูง และแสดงถึงความรับผิดชอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการเผยแพร่ความเกลียดชัง การลดทอนความเป็นมนุษย์ หรือข้อมูล
อันเป็นเท็จที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อสันติภาพและธรรมาภิบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มีความเปราะบางเป็นทุนเดิม โดยการดำเนินการทั้งหมดนี้จักต้องตั้งอยู่บนหลักการที่ว่าเสรีภาพในการแสดงออกต้องได้รับการคุ้มครองเช่นกัน

 

6. เปลี่ยนวาทกรรมความขัดแย้งด้วยการศึกษา

 

เพื่อทำลายวงจรความขัดแย้งที่มีพื้นฐานมาจากความขุ่นเคืองในอดีตจากประวัติศาสตร์บาดแผล เราขอเรียกร้องให้มีการทบทวนและประเมินแบบเรียนและตำราประวัติศาสตร์ รวมถึงสื่อการเรียนรู้ ทั้งในประเทศไทยและกัมพูชาอย่างละเอียดรอบคอบ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน ลดอคติ และช่วยให้คนรุ่นใหม่มองเพื่อนบ้านในฐานะหุ้นส่วนแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง

 

เราต้องยอมรับว่าเรายืนอยู่บนทางแพร่งระหว่างการเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพและความขัดแย้ง เราขอเรียกร้องให้เหล่าผู้นำทั้งหลายก้าวข้ามวาทกรรมชาตินิยมและความเป็นปฏิปักษ์ทางประวัติศาสตร์ ณ ห้วงเวลานี้ คือ ห้วงเวลาที่จะต้องตระหนักว่า เราล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ร่วมกันในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

 

เรา ผู้มีรายนามดังต่อไปนี้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศดำเนินการด้วยความกล้าหาญทางจริยธรรมและยึดมั่นในความร่วมมือระหว่างกัน และเรียกร้องให้อาเซียนแสดงบทบาทนำอย่างสุจริต และแน่วแน่

 

เรา ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมยืนหยัดสนับสนุนความริเริ่มใดๆ ในการสร้างสันติภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising