×

เปิดถ้อยแถลงทูตจีนบนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ย้ำเปิดกว้างกระชับความร่วมมือไทย

05.11.2025
  • LOADING...
เปิดถ้อยแถลงทูตจีน บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ย้ำ เปิดกว้างกระชับความร่วมมือ ไทย

จาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ขึ้นกล่าวปาฐกถา บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ที่จัดขึ้นวันนี้ (5 พฤศจิกายน) ในหัวข้อ “An Open China for the Promising Mutual Beneficial Cooperation with Thailand : จีนที่เปิดกว้างร่วมมือกับไทยเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีเนื้อหาถ้อยแถลงฉบับเต็มดังนี้

 

กราบเรียน ฯพณฯ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่เคารพ
ท่านแขกผู้มีเกียรติ สุภาพสตรี สุภาพบุรุษ และมิตรสหายทุกท่าน

 

สวัสดีครับ ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจประจำปี THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 หัวข้อของการประชุมในปีนี้คือ ” Thailand’s Next Frontier” และท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้กล่าวแนะนำนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ผมเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่ดี นักธุรกิจจีนและไทยมีจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการที่เปิดกว้าง สร้างสรรค์ และมีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ และเป็นผู้มีส่วนร่วมและผู้สนับสนุนที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย จีนยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมไทยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของทั้งสองประเทศ

 

ทิศทางเศรษฐกิจโลกขึ้นอยู่กับแรงขับเคลื่อนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเอเชีย-แปซิฟิกมาจากภูมิภาคนี้ สำหรับประเทศจีนและไทย มีเหตุการณ์สำคัญสองเหตุการณ์ล่าสุดเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง นั่นคือเมื่อเดือนที่แล้ว การประชุมเต็มคณะครั้งที่สี่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง มีการอภิปรายและรับรอง “ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ5ปี ฉบับที่ 15 ” ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาของจีนในอีกห้าปีข้างหน้า

 

และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ได้พบหารือกับท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล การหารือทวิภาคีครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นในวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง เหตุการณ์สำคัญทั้งสองเหตุการณ์นี้ส่งสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจน นั่นคือ การแบ่งปันโอกาสและการบรรลุผลสำเร็จร่วมกันผ่านการพัฒนาแบบเปิดกว้าง ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย

 

ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์การพัฒนา เร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าการเกษตร เศรษฐกิจสีเขียว และนวัตกรรมดิจิทัล

 

ทั้งสองฝ่ายจะยังคงกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในด้านการท่องเที่ยว เยาวชน และระดับท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างประสบความสำเร็จ และส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน เพิ่มความเข้มข้นขึ้นในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

 

ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมการดำเนินโครงการริเริ่มด้านธรรมาภิบาลโลก ส่งเสริมความยุติธรรมและความเป็นธรรมระหว่างประเทศ และปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

 

ต่อไป ผมขออนุญาตใช้เวลาเพื่อแนะนำสถานการณ์เศรษฐกิจของจีน นโยบายเปิดประเทศ และอภิปรายโอกาสใหม่ๆ ของความร่วมมือระหว่างจีนและไทย

 

1. เศรษฐกิจจีนมีรากฐานที่แข็งแกร่ง การดำเนินงานที่มั่นคง ศักยภาพทางการตลาดที่กว้างขวาง และแนวโน้มการเติบโตที่ดี

 

ปีนี้ถือเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ของจีน เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5.5% ต่อปี โดยคาดว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการจะสูงกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ประมาณ 30% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ 5.2% และมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 4%

 

ในอีกประมาณหนึ่งทศวรรษข้างหน้า กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางของจีนจะมีจำนวน
มากกว่า 800 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพมหาศาล จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียวที่เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมสินค้านำเข้าระดับนานาชาติ ในวันนี้ งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 8 ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการ และจีนได้ต้อนรับประเทศไทยในฐานะแขกผู้มีเกียรติหรือ guest country of honor

 

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 กำหนดให้การพัฒนาที่มีคุณภาพสูงเป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือการเร่งการพึ่งพาตนเองในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปสู่การพัฒนากำลังผลิตรูปแบบใหม่ จีนกำลังผสานรวมนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีสาขาที่ล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานใหม่ และเทคโนโลยีชีวภาพ ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ จีนกำลังสร้างเส้นทางใหม่ของการบูรณาการนวัตกรรม กล่าวคือ ใช้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีไปใช้กับนวัตกรรมอุตสาหกรรม และนำนวัตกรรมอุตสาหกรรมไปส่งเสริมการยกระดับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี

 

เศรษฐกิจจีนเริ่มต้นจากเศรษฐกิจภาคการผลิต และจะพึ่งพาเศรษฐกิจภาคการผลิตเพื่อก้าวสู่อนาคต แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ระบุว่า จีนจะปรับปรุงและยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิม พัฒนาคลัสเตอร์การผลิตขั้นสูง และคาดว่าจะสร้างตลาดใหม่มูลค่าประมาณ 10 ล้านล้านหยวนในอีกห้าปีข้างหน้า นอกจากนี้ จีนยังจะสร้างอุตสาหกรรมหลักที่กำลังเติบโต เร่งการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงยุทธศาสตร์ เช่น พลังงานใหม่ การบินและอวกาศ และเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ low-altitude economy จะเกิดตลาดมูลค่าหลายล้านล้านหยวนหรือใหญ่กว่านั้น

 

ยิ่งไปกว่านั้น จีนจะพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม ดำเนินการนำร่องใช้เทคโนโลยีใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ และสถานการณ์จำลองใหม่ๆ ในระดับขนาดใหญ่ และเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ในระดับขนาดใหญ่

 

2. จีนจะขยายการเปิดกว้างในระดับสูง สร้างภูมิทัศน์ใหม่ของความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ขยายการเปิดกว้างในระดับสถาบันอย่างต่อเนื่อง และขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ จีนจะส่งเสริมการปฏิรูปและการพัฒนาผ่านการเปิดกว้าง แบ่งปันโอกาส และบรรลุการพัฒนาร่วมกันกับนานาประเทศทั่วโลก

 

จีนเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ประเทศผู้ค้าสินค้ารายใหญ่ที่สุด และตลาดนำเข้ารายใหญ่อันดับสองของโลกมาอย่างยาวนาน จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของกว่า 150 ประเทศและภูมิภาค และการลงทุนในต่างประเทศของจีนได้มีส่วนช่วยสร้างภาษีให้แก่ประเทศเจ้าภาพรวมกันกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานจำนวนมาก ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัยภายในประเทศ

 

จีนและไทยเป็นหุ้นส่วนที่ดีในการสร้างสรรค์ โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ ทั้งสองฝ่ายได้เสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์และส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในโครงการสำคัญๆ และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 จีนจะผลักดันการปฏิรูปอย่างรอบด้านและขยายการเปิดกว้าง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเปิดโอกาสความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ประตูสู่โลกของจีนจะเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

 

จีนกำลังขยายการเปิดเสรีอย่างแข็งขัน ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีมาตรฐานสูง และมุ่งเน้นไปที่ภาคบริการเพื่อขยายการเข้าถึงตลาด จีนกำลังเร่งกระบวนการจัดทำข้อตกลงการค้าและการลงทุนระดับภูมิภาคและทวิภาคี และขยายเครือข่าย เขตการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง

 

เมื่อปลายเดือนตุลาคม จีนและอาเซียนได้ลงนามในพิธีสารยกระดับเขตการค้าเสรีเวอร์ชั่น 3.0 ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมสีเขียว ส่งเสริมตลาดบูรณาการระดับภูมิภาคที่เปิดกว้างและตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎระเบียบ สร้างระบบห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคที่มีความยืดหยุ่นและเป็นประโยชน์ร่วมกัน และส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้ง เพื่อบรรลุการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว

 

จีนเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการลงทุนและการบริโภคอันมหาศาล จีนมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างมีคุณภาพ เร่งการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดิจิทัล และอัจฉริยะ จีนมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือด้านการลงทุนแบบสองทาง และสร้างสภาพแวดล้อมเชิงสถาบันที่โปร่งใส มั่นคง และคาดการณ์ได้ จีนบริหารจัดการการลงทุนในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงระบบบริการต่างประเทศที่ครอบคลุม และกำหนดทิศทางการวางระบบข้ามพรมแดนของห่วงโซ่การผลิตและอุปทานอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทุกท่านคงติดตามการพบปะระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ ในการพบปะหารือครั้งนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้กล่าวว่าจีนและสหรัฐฯสามารถบรรลุความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันได้อย่างแน่นอน ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การค้า พลังงาน และสาขาอื่นๆ

 

และได้กำชับให้คณะทำงานด้านการค้าของแต่ละฝ่ายใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาและปฏิบัติตามฉันทามติที่บรรลุไว้ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเศรษฐกิจของทั้งจีนและสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลก การที่จีนและสหรัฐฯกลับเข้าสู่เส้นทางการเจรจาอีกครั้ง ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ

 

3. อนาคตความร่วมมือจีน-ไทยสดใส

 

จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่อง 12 ปี และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและไทยมีมูลค่า 114.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% จีนเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของไทย โดยมีการลงทุนมากกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

 

การลงทุนได้ขยายจากการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีส่วนช่วยในการยกระดับอุตสาหกรรมของไทย การก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทยกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อแล้วเสร็จ จะช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคอย่างมาก ช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค

 

จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรสหายที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างสม่ำเสมอและใกล้ชิดกันเหมือนญาติมิตร

 

ในจุดเริ่มต้นใหม่ของวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตนี้ จีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ เสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ร่วมกันส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน ช่วยส่งเสริมความทันสมัยของทั้งสองประเทศ และมีคุณูปการมากยิ่งขึ้นต่อสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising