ราคาหุ้น Seven & i Holdings ดิ่งลงอย่างหนักหลังแผนซื้อกิจการมูลค่า 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) ล้มครืนลงเพราะไม่สามารถหาเงินทุนได้ สร้างแรงกดดันให้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นต้องหันไปพิจารณาข้อเสนอจาก Alimentation Couche-Tard ยักษ์ใหญ่จากแคนาดา
กลุ่มนักลงทุนที่ต้องการซื้อกิจการซึ่งรวมถึงตระกูล Ito ผู้ก่อตั้งและ Itochu Corp. ไม่สามารถจัดหาเงินทุนที่จำเป็นเพื่อยื่นข้อเสนอสำหรับดีลที่จะกลายเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ตามคำแถลงของ Seven & i เมื่อวันพฤหัสบดี
ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงถึง 12.5% ในตลาดหุ้นโตเกียว ฉีกมูลค่าตลาดของบริษัทลงเหลือเพียงประมาณ 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้น Itochu กลับพุ่งขึ้นสูงถึง 6.8%
แผนการซื้อกิจการโดยผู้บริหาร (Management Buyout หรือ MBO) นี้ถูกริเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเพื่อต้านทานการเข้าซื้อจาก Couche-Tard ที่เสนอราคาซื้อในมูลค่าประมาณ 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์
โดย MBO นั้นเป็นรูปแบบการซื้อกิจการที่ผู้บริหารและตระกูลผู้ก่อตั้งพยายามซื้อบริษัทคืนเพื่อทำให้เป็นบริษัทเอกชนหรือเป็นการออกจากการเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นเอง
ด้วยความล้มเหลวของแผนการซื้อกิจการ Ryuichi Isaka ซีอีโอของ Seven & i อาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจรจากับ Couche-Tard
“ผมรู้สึกว่าข้อเสนอ MBO จากตระกูลผู้ก่อตั้งนั้นค่อนข้างไม่สมจริง” Yasuo Sakuma ประธานบริษัท Libra Investments กล่าว “การเข้าซื้อกิจการโดย Couche-Tard จะกลายเป็นสถานการณ์หลักจากนี้ไป”
Couche-Tard เจ้าของเครือร้านสะดวกซื้อ Circle-K ยังคงแสดงความสนใจที่จะซื้อ Seven & i อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจสอบข้อมูลทางการเงินภายใน หรือการทำ due diligence ของบริษัทญี่ปุ่น แม้ได้ยื่นข้อเสนอมาหลายเดือนแล้ว แสดงให้เห็นถึงความลังเลของ Seven & i ในการเปิดโต๊ะเจรจาอย่างจริงจัง
ในแถลงการณ์ Seven & i ระบุว่าบริษัท “ยังคงมุ่งมั่นที่จะสำรวจโอกาสทั้งหมดเพื่อปลดล็อกมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น” และยังคงประเมินข้อเสนอของ Couche-Tard
รายงานระบุว่า บริษัทกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนกับบริษัทแคนาดาเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถบรรลุข้อเสนอที่ปฏิบัติได้หรือไม่ โดยคำนึงถึงความท้าทายด้านการต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ
ทายาทของผู้ก่อตั้ง Seven & i มีกำหนดจะร่วมลงทุนประมาณ 5 แสนล้านเยน ในการซื้อกิจการ ขณะที่บริษัทการค้า Itochu จะลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านเยน โดยเงินทุนส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนเชิงกลยุทธ์อื่นๆ และธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่น
Lorraine Tan นักวิเคราะห์จาก Morningstar Asia Ltd. กล่าวว่าไม่แปลกใจที่กลุ่มผู้ซื้อพบความยากลำบากในการระดมทุน เพราะราคาที่เสนอซื้อนั้นสูงเกินไป ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคตอาจไม่คุ้มค่า เธอกล่าวเสริมว่า “เราไม่คิดว่าตลาดคาดหวังจริงๆ ว่าตระกูลผู้ก่อตั้งจะทำได้”
อ้างอิง: