×

บทเรียนหุ้น DELTA ในค่ำคืนวาเลนไทน์

20.02.2025
  • LOADING...
delta-stock-lessons

ในบทความที่แล้ว เราคุยกันถึง ‘7 นางฟ้า’ ของตลาดหุ้นไทย และความยากลำบาก ท้อใจ เหนื่อยล้า ในการเล่นหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน

 

เพิ่งพูดไปหยกๆ ราวกับโชคชะตาเล่นตลก และแล้วในที่สุดก็มาถึงคราวของหุ้น DELTA ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 4 (4Q24) ในช่วงค่ำของคืนวาเลนไทน์ที่ใครหลายๆ คนรวมถึงตัวผมกำลังเฉลิมฉลองกับคนรัก ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

 

แต่โชคยังดีที่ผมได้ดูตัวเลขงบการเงินของ DELTA หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เพราะหลังจากที่ผมอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จาก CGS International (CGSI) แล้ว ผมก็รู้ได้ทันทีว่าวันจันทร์เปิดตลาด หุ้นไทยเราคงจะเป็นสีแดงดั่งดอกไม้วันวาเลนไทน์แน่ๆ

 

ทั้งกำไรจากการดำเนินงานของ DELTA ที่ลดลงถึง 60%QoQ เป็น 2.49 พันล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการของ CGSI / Bloomberg Consensus ไปถึง 48%/51%

 

มากไปกว่านั้น DELTA ยังมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 22.5% ใน 4Q24 (จาก 26.9-27.6% ใน 2Q24-3Q24) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (OPM) ที่ 6.3% ต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 11% (14% ใน 3Q24)

 

ราคาหุ้นวันจันทร์เปิดมาก็เป็นอย่างที่ผมคาด ไม่สิ อาจจะหนักกว่าที่ผมคาดเสียด้วยซ้ำ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งราคาหุ้น DELTA ดิ่งติด Floor กันไปเลยทีเดียว 

 

เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง? ผมสรุปมาให้แล้ว 3 ประการ

 

ประการแรก Valuation คือ ‘ความคาดหวัง’ 

 

หากอิงตัวเลขกำไรทุกอย่างก่อนการประกาศผลประกอบการ DELTA ถือเป็นหุ้นที่มีการประเมินมูลค่าสูงมาก โดยราคาหุ้นเทรดที่ P/E 63x-79x ในปี FY24-26 สูงมากเลยทีเดียวสำหรับการประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E (x)

 

เหตุผลที่ทำไม DELTA ได้ P/E สูงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่าหนึ่งในธุรกิจของ DELTA คือธุรกิจกลุ่ม Data Center รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ทำให้ราคาหุ้นได้ Premium ในการ ‘เทรดแพง’ และผลประกอบการในช่วงที่ผ่านๆ มาของ DELTA นั้นทำได้ตามที่นักวิเคราะห์คาดหวังหรือดีกว่าที่คาดหวังไว้ซะด้วยซ้ำ

 

ดังนั้นการที่ DELTA ซึ่งรายงานผลกำไรพลาดเป้าไปเกือบครึ่งหนึ่ง! ราคาหุ้นจึงปรับฐานอย่างรุนแรง เพราะนักลงทุน ‘ผิดหวัง’ และไม่สามารถเทรดหุ้น DELTA ณ P/E ระดับเดิมได้แล้ว

 

ประการต่อมา ผลประกอบการคือ ‘เจ้ามือที่แท้จริง’

 

หากดูในรายละเอียด สิ่งที่ทำให้ผมกังวลใจมากขึ้นนั้น เนื่องจากสาเหตุของกำไรที่ลดลงเกิดจาก 

 

  1. การให้ส่วนลดเงินคืน (Rebate) แก่ลูกค้า Data Centre จำนวน 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

  1. การตั้งสำรอง 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังพบปัญหาข้อบกพร่องในหน่วย Magnetic Solutions Business Unit (MSBU) ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องมีการเรียกคืนสินค้า และ 

 

  1. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคดีความจำนวน 1 พันล้านบาท ในปี FY24 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีจากบริษัท Vicor (Vicor Corporation)

 

ประการสุดท้าย การประชุมนักวิเคราะห์ คือ ‘คนแจกไพ่’

 

ในการประชุมนักวิเคราะห์ของ DELTA บริษัทให้แนวทางว่ายอดขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะเติบโตประมาณ 15% ในปี FY25 แบ่งเป็น

 

  1. ยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ AI (ประมาณ 11% ของยอดขายรวมในสิ้นปี 2024) จะเติบโตแข็งแกร่งถึง 40-60%YoY
  2. ยอดขายของผลิตภัณฑ์ Data Centre ที่เป็น Non-AI (ประมาณ 27% ของยอดขายรวมในสิ้นปี 2024) น่าจะเติบโตดีเช่นกันในอัตราเลขสองหลัก 
  3. ในทางกลับกัน DELTA คาดว่าผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากกลุ่ม Data Centre (อย่างเช่น EV และโซลูชันพลังงานโทรคมนาคม) จะยังเผชิญกับความท้าทายในปี FY25 และ น่าจะเติบโตไม่เกิน 5%

 

หากพิจารณาในแง่ของยอดขาย ก็ต้องบอกว่าแข็งแกร่งมากสำหรับการเติบโต แต่ใช่แล้วครับ ตอนนี้ตลาดไม่ได้สนใจการเติบโตของยอดขายมากขนาดนั้น แต่โฟกัสไปที่ค่าใช้จ่ายพิเศษ หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคดีความว่าจะเกิดขึ้นอีกเท่าไร? คดีความจะจบลงอย่างไร?

 

เราจึงมองว่า DELTA อาจมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายเพิ่มเติมใน 1H25 แม้เรามองว่าข้อพิพาททางกฎหมายกับ Vicor ที่ยื่นฟ้อง Delta Group น่าจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาว แต่ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าชดเชยอาจส่งผลกระทบต่อ EPS ในปี FY25 อย่างมีนัยสำคัญ กรณีเลวร้ายสุดในมุมมองเรา นอกจาก DELTA อาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยแล้ว ลูกค้าอาจจะขอเปลี่ยนสินค้าที่มีข้อพิพาทอีกด้วย

 

ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการ EPS ในปี FY25-26 ลง 21-22% และคงคำแนะนำ ‘ขาย’ DELTA รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 75 บาท (จากเดิม 108 บาท) นี่จึงเป็นบทเรียนสามประการที่ผมอยากจะมอบให้กับผู้อ่านจากหัวใจ

 

Valuation คือ ‘ความคาดหวัง’…ผลประกอบการ คือ ‘เจ้ามือที่แท้จริง’ และการประชุมนักวิเคราะห์ คือ ‘คนแจกไพ่’

 

ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไปตรงกับสิ่งที่ผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่า ‘นักวิเคราะห์ปรับประมาณการช้าไปบ้างละ’ หรือ ‘เชียร์ซื้อหรือขายผิดจังหวะไปบ้างละ’ หรือแม้กระทั่ง ‘ถ้านักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ (ขาย) นักลงทุนจะขาย (ซื้อ)’

 

จริงๆ แล้วคำตอบของคำพูดดังกล่าวนี้มันก็คือความคาดหวังอีกนั่นแหละครับ ก่อนจบบทความผมนำรูปเชิงเปรียบเทียบของดัชนี SET Index และ SET Index ที่ไม่รวม DELTA มาให้ผู้อ่านและนักลงทุนเห็นภาพว่า หากไม่รวม DELTA…SET Index หลุด 1,200 จุด เรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ผมสังเกตได้อีกประเด็นก็คือ ในวันที่ DELTA ร่วงจนติด Floor ในช่วงเช้า หุ้นหลายๆ ตัวที่เป็นหุ้น Value Play ของประเทศไทย ทั้ง PTT, PTTEP, KTB, KBANK, SCB, BBL, CPALL และ CPAXT ก็แอบปรับตัวบวกขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

 

นี่อาจจะเป็นสัญญาณของการ ‘Restart’ ตลาดหุ้นไทย หรือจริงๆ แล้วอาจจะไม่มีอะไรเลยก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างหน้าหรืออย่างหลัง ผมก็อยากจะให้ผู้อ่านและนักลงทุนจำบทเรียนสามประการนี้ไว้เพื่อให้ไม่พลาดก่อนลงทุนในครั้งต่อไปครับ

 

Valuation DELTA

 

ดัชนี SET DELTA

 

ภาพ: Jonathan Raa/NurPhoto via Getty Images

 

อ้างอิง: 

  • CGS International, CGSI Estimates, CGSI Macro & Wealth Research, CGSI Quantitative Team, Bloomberg

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising