ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่องค์กรต่างๆ สร้าง ปรับแต่ง และขยายผลิตภัณฑ์และบริการพื้นฐาน โดย AI ไม่เพียงแค่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและผลผลิตขององค์กรเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนด และส่งมอบคุณค่าของสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความสามารถในการสร้างเนื้อหา ไอเดีย และตรรกะ รวมถึงการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ธุรกิจใหม่ที่ใช้ AI จึงสามารถท้าทายสมมติฐานทางธุรกิจของตนที่มีมายาวนานและขยายขอบเขตอุตสาหกรรมเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ได้
เทคโนโลยีอย่าง GenAI ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างผลผลิตเพิ่มเติมอย่างมีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ด้วยความสามารถในการเรียนรู้และโต้ตอบกับมนุษย์ทางภาษาธรรมชาติ ทำให้การสร้างมูลค่าลูกค้าไม่จำกัดด้วยต้นทุนการผลิต ผลจากการใช้งาน AI อย่าง ChatGPT ที่มียอดผู้ใช้เกือบหนึ่งพันล้านคน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ ถึงอย่างนั้น การใช้งาน AI นั้นยังขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีและการจัดการที่เหมาะสม ผู้นำธุรกิจจึงควรใช้โอกาสเหล่านี้อย่างรอบคอบและเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวตามสถานการณ์
บทความ Nine AI-fuelled business models that leaders can’t ignore ของ PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ระบุถึง 9 โมเดลธุรกิจใหม่ที่ต้องจับตามอง หลัง AI เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจ โดยแบ่งโมเดลธุรกิจเหล่านี้ออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย การขยายบริการแบบโดยเพิ่มขนาด การเพิ่มขอบเขตผลิตภัณฑ์และการเข้าถึงโดยไม่เพิ่มความซับซ้อน และการจัดการเงินทุนด้วยความแม่นยำและปราศจากข้อจำกัดด้านข้อมูล
การขยายบริการโดยไม่เพิ่มขนาด (scaling services, not size)
- บริการในรูปแบบซอฟต์แวร์: ลองนึกภาพว่าการซื้อของสักชิ้นไม่ใช่แค่จ่ายเงินแล้วจบ แต่กลายเป็นบริการที่อยู่กับเราอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ช่วยด้านโภชนาการ AI ที่สามารถตอบคำถามได้ทันทีเวลาถามเรื่องเมนูสุขภาพหรือวิธีออกกำลังกาย บริการเหล่านี้ยังสามารถสร้างรายได้ผ่านการเก็บค่าบริการแบบรายครั้ง รายเดือน หรือแถมมากับสินค้าเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้าไปอีกขั้น เรียกได้ว่าผู้ซื้อซื้อครั้งเดียวก็กลายเป็นลูกค้าประจำโดยไม่รู้ตัว
- ที่ปรึกษาใหม่ agentic AI: ระบบ AI ยุคใหม่ไม่ได้แค่รับคำสั่งแล้วตอบ แต่ยังช่วยคิด วิเคราะห์ ประสานงาน และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ลองจินตนาการว่าคุณคุยกับที่ปรึกษา AI ที่เข้าใจปัญหาเฉพาะของคุณ สามารถตอบได้ทันที และถ้าต้องการก็เชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ หรือผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องรอคิวหรือเสียเวลานัดหมาย
- ผู้ให้บริการหุ่นยนต์: หุ่นยนต์ AI ยุคใหม่สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนที่ต้องการความแม่นยำสูงหรือต้องใช้แรงงานมาก เช่น หุ่นยนต์ตัดหญ้าที่สามารถปรับตารางเวลาได้อัตโนมัติตามสภาพอากาศ ผู้นำธุรกิจสามารถลงทุนในบริการหุ่นยนต์เหล่านี้แล้วเก็บค่าสมาชิกรายเดือน หรือให้ลูกค้าสมัครใช้บริการได้ตามต้องการ เป็นต้น
การเพิ่มขอบเขตผลิตภัณฑ์และการเข้าถึงโดยไม่เพิ่มความซับซ้อน (increasing product scope and access without complexity)
- การผลิตสินค้าเฉพาะกลุ่มในปริมาณมาก: ในอนาคต การใช้ AI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคลจะเป็นเรื่องง่ายและทำได้อย่างรวดเร็ว เช่น ชุดวิตามินที่ปรับแต่งให้เหมาะกับการตรวจเลือดของแต่ละบุคคล หรือเฟอร์นิเจอร์ลูกค้าสั่งทำให้เข้ากับพื้นที่และสไตล์ของบ้านพร้อมจัดส่งได้ภายในไม่กี่วัน ไม่ต้องรอนานหรือเสียเงินเพิ่มเหมือนในอดีต
- ตลาดประมูลแบบย้อนกลับบริการแบบดั้งเดิม: ลองนึกภาพตัวแทน AI ที่ให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายกำหนดราคาสินค้าและบริการรวมทั้งเงื่อนไขที่พร้อมจ่ายเอง เช่น ประกันภัยรถยนต์ที่คุณบอกเงื่อนไขที่ต้องการและราคาที่รับได้ จากนั้นให้บริษัทประกันมาแข่งขันเสนอราคาให้ หรือแพลตฟอร์มกฎหมายที่จัดทนายให้ในราคาคงที่ ตรงใจ ทำให้ทั้งลูกค้าและผู้ให้บริการก็ได้ประโยชน์ทั้งคู่ สะดวก โปร่งใส และยุติธรรมกว่าเดิม
- บริการจัดส่งอัตโนมัติ: ในปัจจุบันมี AI ที่คุมยานพาหนะขนส่งอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยคนขับและสามารถส่งของได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่หากพัฒนาเทคโนโลยีจนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพแล้วจะสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมการขนส่งได้
การจัดการเงินทุนด้วยความแม่นยำยิ่งขึ้นและปราศจากข้อจำกัดด้านข้อมูล
- บริการจัดสรรเงินทุนอย่างแม่นยำ: AI กำลังปฏิวัติวงการการเงินด้วยการช่วยจัดสรรเงินทุนแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การจัดการพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่ไปจนถึงการปรับเงื่อนไขการชำระคืนตามรายได้ ทำให้ช่วยขับเคลื่อนการลงทุนและการให้สินเชื่อที่เร็วขึ้นและฉลาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนร่วมลงทุน การประกันภัย หรือการจัดสรรงบประมาณภาครัฐ เป็นต้น
- ตรวจสอบสินทรัพย์เชิงรุก: การใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์เพื่อตรวจจับความเสี่ยงก่อนเกิดภัยพิบัติ จะช่วยป้องกันปัญหาก่อนเกิด ลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลทรัพย์สิน
- ส่งมอบทักษะที่ต้องการ: การใช้ AI ในการหาแรงงานที่มีทักษะตรงตามความต้องการ จะช่วยจัดการการจ้างงาน นัดหมาย และชำระเงินสำหรับงานทุกๆ ประเภทมีความรวดเร็วและช่วยให้ธุรกิจและฟรีแลนซ์เชื่อมต่อกันได้ง่ายกว่าที่เคย และยังสามารถรับประกันคุณภาพผ่านการประเมินหรือการติดตามได้อีกด้วย
เตรียมพร้อมธุรกิจยุค AI
การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในยุค AI ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ แต่ยังหมายถึงการปรับวิธีคิด กลยุทธ์ และรูปแบบการดำเนินงานเพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างความได้เปรียบและอยู่รอดได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้นำองค์กรควรเตรียมความพร้อมทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าให้ตอบโจทย์แต่ละบุคคลมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดใจเรียนรู้และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำศักยภาพของ AI มาสร้างคุณค่าทางธุรกิจอย่างยั่งยืนและเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ภาพ: J Studios / Getty Images
อ้างอิง: