“ของรักของข้า”
เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยได้อ่านสุดยอดวรรณกรรมที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชุดระดับตำนาน The Lord of the Rings หรือ อภินิหารแหวนครองพิภพ ซึ่งเป็นผลงานของ J.R.R. Tolkien กันมาบ้างแน่นอน
ความมหัศจรรย์ของเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของมหากาพย์การเดินทางที่ทั้งน่าอัศจรรย์ใจและเหนื่อยยากของโฟรโด สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งที่สุดบนโลก หรือการต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่า ‘พันธมิตรแห่งแหวน’ ที่นำโดยพ่อมดแกนดัล์ฟ, เลโกลัส เอลฟ์ผู้กล้าหาญ, กิมลี คนแคระผู้แกร่งกล้า, อารากอร์น ผู้มีสิทธิ์ครองบัลลังก์แห่งนครกอนดอร์เท่านั้น
แต่ในเรื่อง The Lord of the Rings ยังแทรกแง่คิดและบทเรียนเอาไว้อย่างมากมาย ซึ่งก็มีให้คิดถึงได้แม้แต่ในเรื่องที่ไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกันได้อย่างเรื่องการเงิน
และนี่คือ 9 บทเรียนทางการเงินที่เราเรียนรู้ได้จากมหากาพย์เรื่องนี้ ซึ่งจะเท่ากับจำนวนแหวน 9 วงที่ถูกสร้างและมอบให้แก่กษัตริย์ชาวมนุษย์ทั้ง 9 แห่งมัชฌิมโลก
แหวนวงที่ 1: จงกระจายความเสี่ยง
แต่ในเรื่อง The Lord of the Rings แหวนที่เป็นสุดยอดคือแหวนเอกธำมรงค์ของจอมมารเซารอน
แหวนวงนี้เขาเล่าขานกันว่า “วงเดียวเพื่อครองพิภพ วงเดียวเพื่อค้นพบจบหล้า วงเดียวเพื่อสาปสิ้นทุกวิญญาณ พันธนาไว้ในความมืดมน”
แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำให้เซารอนพ่ายแพ้ในเรื่องก็คือการที่เขาเอาอำนาจสูงสุดทุกอย่างใส่ไว้ในแหวนเพียงแค่วงเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ในเชิงกลยุทธ์ของเซารอนในการทุ่มสุดตัวทุกอย่างลงไปในหุ้นหรือสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวมันอาจจะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงมากมายมหาศาลด้วยเช่นกัน
เมื่อ โฟรโด แบ็กกินส์ ฮอบบิทจากแคว้นไชร์ทำภารกิจสำเร็จในการเดินทางมาถึงหุบเขามรณะในมอดอร์ ก่อนที่อสุรกายกอลลัมจะชิงแหวนจากนิ้วแล้วพลัดตกลงไปในหุบเขาซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่จะทำลายแหวนวงนี้ได้
แหวนเอกธำมรงค์ที่ถูกทำลายก็ไม่ต่างอะไรจากทรัพย์สินการลงทุนทุกอย่างที่สูญสลายไปในพริบตา
หากเซารอนกระจายความเสี่ยงออกไปบ้างเรื่องก็อาจจะจบลงอีกแบบก็ได้ ดังนั้นทรัพย์การลงทุนต่างๆ กระจายเอาไว้ในหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ หรืออะไรก็ตาม เพราะหากส่วนใดส่วนหนึ่งประสบปัญหาก็ยังเหลือส่วนอื่นอยู่ให้เริ่มต้นกันใหม่ได้ง่ายกว่าเดิม
แหวนวงที่ 2: บริหารงบประมาณและทรัพยากรอย่างเหมาะสม
ปกติแล้วฮอบบิทเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย (อาจจะยกเว้นเมอร์รีกับปิ๊ปปินไว้) เช่น บิลโบ แบ็กกินส์ นักผจญภัยผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งปวง แม้จะร่ำรวยด้วยเงินทองทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากขุมทรัพย์แห่งเอเรบอร์ แต่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ซ้ำกลับประหยัดมัธยัสถ์และเลี่ยงการใช้จ่ายอะไรที่เกินตัว
ตัวอย่างการบริหารทรัพยากรที่ดีอีกคนคือ แซม แกมจี ผู้ร่วมเดินทางของโฟรโดที่มีหนึ่งในหน้าที่สำคัญคือการจัดการขนม ‘เลมบัส’ ขนมปังล้ำค่าที่ได้รับจากท่านหญิงกาลาดริเอล เอลฟ์ผู้สูงศักดิ์แห่งลอธลอริเอน
เลมบัสเป็นขนมปังวิเศษที่บิกินเพียงแค่นิดเดียวก็ช่วยให้หายหิวและมีเรี่ยวแรง ซึ่งแซมจะทำหน้าที่ในการคำนวณว่าในแต่ละวันจะบิเลมบัสกินได้เท่าไร โดยไม่ได้คิดถึงเพียงแค่การเดินทางไปทำลายแหวนที่หุบเขามรณะ แต่คิดจนถึงวันที่จะเดินทางกลับแคว้นไชร์ด้วยกัน และเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้วย
ถ้าเราบริหารจัดการเงินเดือนได้เหมือนที่แซมคำนวณเรื่องเลมบัส รับประกันได้เลยว่าอาหารในช่วงปลายเดือนจะไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างแน่นอน
แหวนวงที่ 3: การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ
ความลุ่มหลงของกอลลัมที่มีต่อแหวนเอกธำมรงค์ ไปจนถึงคำสาบานที่มิอาจเติมเต็มต่ออิซิลดูร์ของกองทัพแห่งความตาย เป็นการสอนเรื่องของการบริหาร ‘หนี้’ ได้ดี
เพราะมันแสดงให้เห็นว่าหนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม สามารถมีอิทธิพลและครอบงำชีวิตของเราได้ในทุกมิติ
การบริหารจัดการหนี้ที่ดีจำเป็นที่จะต้องมีทักษะในด้านการประเมินธรรมชาติของหนี้ ซึ่งจะเหมือนกับการทำความเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของแหวนแห่งอำนาจว่าสำคัญแค่ไหนในมัชฌิมโลก
ดังนั้นการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขของหนี้ ดอกเบี้ยของหนี้ และผลกระทบระยะยาวหากเป็นหนี้ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด มันจะทำให้เรารู้จักการวางแผนโครงสร้างการชำระหนี้ การให้ความสำคัญกับหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง หรือการปรับโครงสร้างหนี้ก็จะเป็นกลยุทธ์ที่ดีเช่นกัน
แหวนวงที่ 4: หลักประกันแห่งชีวิตพึงต้องมี
ในช่วงการเดินทางผ่านเหมืองมอเรีย นครใต้ดินอันลึกลับของเผ่าคนแคระ พันธมิตรแห่งแหวนต้องพยายามหนีเอาตัวรอดจาก ‘บัลร็อก’ อสุรกายโบราณในตำนาน จนทำให้พ่อมดเทาแกนดัล์ฟ ผู้นำของคณะต้องยอมพลีชีพเพื่อขัดขวาง
“You Shall Not Pass” แกนดัล์ฟร่ายมนตร์วิเศษไม่ยอมให้บัลร็อกฝ่าไปทำร้ายชาวคณะได้ และทำได้สำเร็จ เพียงแต่อสุรกายใต้พิภพได้ตวัดแส้เพลิงลากขาพ่อมดเทาจนร่วงหล่นลงไปด้วย
เรื่องนี้น่าจะจบแบบโศกนาฏกรรม แต่โชคดีที่แกนดัล์ฟนอกจากจะรอดชีวิตกลับมาได้ยังปราบบัลร็อกลงได้สำเร็จ ซึ่งแม้จะต้องแลกด้วยลมหายใจของตัวเองแต่ก็เปลี่ยนเป็นพ่อมดขาวผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิมแทน
ประหนึ่งว่าแกนดัล์ฟเหมือนทำประกันชีวิตไว้ ทำให้ต่อให้มีเหตุที่ไม่คาดฝันซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกจังหวะของชีวิต อย่างน้อยก็ยังมีหลักประกันอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะสำหรับตัวเอง (ประกันสุขภาพ) หรือสำหรับคนที่คุณรัก ไว้เป็นต้นทุนสำหรับการเริ่มต้นใหม่ในชีวิต
แหวนวงที่ 5: บริหารจัดการความเสี่ยง
ความเสี่ยงนั้นมีอยู่ทุกเวลาและนาที กับพันธมิตรแห่งแหวนเองก็เช่นกัน แม้จะเต็มไปด้วยเหล่านักรบผู้กล้าที่เก่งกาจไปจนถึงพ่อมดผู้ทรงอำนาจ แต่คนที่ได้รับภารกิจในการเดินทางไปทำลายแหวนแห่งอำนาจกลับเป็นโฟรโดจากเผ่าฮอบบิท
นั่นเพราะชนเผ่านี้เป็นความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ทั้งต่อการลอบเดินทางเข้าไปถึงแผ่นดินมืดและในแง่ของการที่ได้รับผลกระทบจากอำนาจล่อลวงแห่งแหวนน้อยที่สุด ดีกว่าจะมอบแหวนฝากไว้กับนักรบที่พร้อมจะตกเป็นทาสของแหวนได้อย่างง่ายดาย เหมือนโบโรเมียร์ที่หวังใช้อำนาจแห่งแหวนในการกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอนอย่างนครกอนดอร์
แต่ไม่เพียงการฝากภารกิจนี้ให้แก่โฟรโดในฐานะทายาทแห่งแหวนต่อจากบิลโบ การเลือกแซมมาเป็นคู่หูผู้ช่วยก็สะท้อนถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน เพราะนอกจากแซมจะภักดีต่อโฟรโดแล้วยังมีจิตใจกล้าหาญและใสสะอาด พร้อมจะสนับสนุนโฟรโดทุกอย่าง
เหมือนตอนที่พวกเขาหลงกลติดเข้าไปในรังของแมงมุมปีศาจยักษ์ชีล็อบ เมื่อโฟรโดถูกทำร้ายแซมก็รับเอาแหวนมาไว้ในครอบครองแทน ซึ่งหากสมมติว่าโฟรโดตายไปเพราะพิษจากชีล็อบจริง แซมก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ต่อในทันที
แหวนวงที่ 6: เตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณ
แม้กระทั่งเอลฟ์ผู้ยิ่งใหญ่และมีชีวิตอันยืนยาวอย่างท่านหญิงกาลาดริเอล หรือลอร์ดเอลรอนด์เองก็มีวันที่จะต้องออกเดินทางไปยังอามัน แผ่นดินอมตะที่จะเป็นที่พำนักสุดท้ายของชีวิต
และทั้งหมดนั้นไม่ใช่คิดจะไปก็นั่งเรือไปได้ แต่ต้องมีการตระเตรียมการทุกอย่างเป็นอย่างดี จนสุดท้ายก็ได้เดินทางไปยังอามันหลังเสร็จสิ้นสงครามแห่งแหวน โดยมีผู้ที่ได้รับอนุญาตอย่างบิลโบและโฟรโด แบ็กกินส์ รวมถึงแกนดัล์ฟร่วมเดินทางไปด้วย
สำหรับเราก็เช่นกัน ถึงจะไม่ต้องเดินทางไปอามันแต่ต้องมีสักวันที่เราต้องคิดถึงชีวิตที่สงบสุขในบั้นปลายอยู่ดี และเราก็ต้องวางแผนเหมือนกัน ซึ่งก็คือการวางแผนในการเกษียณที่แล้วแต่จะเลือกเลยว่าจะทำอย่างไร จะเก็บหอมรอมริบเงินออมเกษียณแบบไหน ทุกคนเลือกได้ทั้งนั้น
แหวนวงที่ 7: ไม่ใช่แค่วันข้างหน้า แต่เพื่อวันข้างหน้า
หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ที่สุดในเรื่องของเอนต์ ‘พฤกษบาล’ แห่งป่าฟังกอร์น สิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวเกิดมาพร้อมๆ กับโลก เป็นเหมือนต้นไม้ยักษ์ที่เคลื่อนไหวได้ พูดได้ แต่ภาษาพูดของเอนต์นั้นยืดยาว กว่าจะพูดจบสักคำก็กินเวลายาวนาน ทำให้ไม่มีใครเข้าใจในภาษาของพฤกษบาลเหล่านี้นัก
เอนต์ยังเป็นกลาง สิ่งเดียวที่สนใจคือการพิทักษ์และรักษาผืนป่าไว้ให้นานเท่านาน ดังนั้นเมื่อถูกชักชวนจากเมอร์รีและปิ๊บปินให้เข้าร่วมสงครามแห่งแหวน ทรีเบียร์ดผู้นำแห่งเอนต์จึงปฏิเสธก่อนเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพียงแต่เมื่อรู้ว่าถูกพ่อมดขาวซารูมานหักหลัง ไม้น้อยใหญ่ในฟังกอร์นถูกโค่นเพื่อนำไปสร้างอสุรกายอุรุกไฮ ทรีเบียร์ดและเหล่าเอนต์จึงทบทวนและคิดถึงวันข้างหน้าว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปฟังกอร์นก็จะสิ้นไม่เหลือ และมันจะกระทบต่อทั้งเอนต์ ทั้งชีวิตในป่าและโลกใบนี้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมบุกหอคอยออร์ธังค์ปราบซารูมานและกองทัพจนราบคาบ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเรียนรู้จากเอนต์คือเรื่องของความอดทนและการคาดการณ์ล่วงหน้าไปยังอนาคต ไม่ตัดสินใจผลีผลามเพียงเพราะสิ่งที่เห็นในวันนี้ แต่จะเลือกตัดสินใจในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว
บางทีเราอาจจะเลือกการลงทุนที่สูงในช่วงแรก แต่จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่มากกว่าและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว หรือแม้กระทั่งลงทุนกับตัวเองผ่านการศึกษาอบรม ที่อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนเป็นตัวเงินกลับมา แต่ก็จะเพิ่มขีดความสามารถ ศักยภาพ และเปิดประตูโอกาสให้ชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิมได้
แหวนวงที่ 8: มรดกต้องตกถึงผู้ที่เหมาะสม
ลอร์ดเอลรอนด์ ผู้ปกครองอาณาจักรแห่งริเวนเดล เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในเรื่อง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์สงครามครั้งสุดท้ายของยุคที่ 2 แล้วยังเป็นผู้ปกครองแห่งริเวนเดล สถานที่ประชุมของทุกเผ่าพันธุ์ที่จะตัดสินอนาคตของมัชฌิมโลกไปด้วยกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของพันธมิตรแห่งแหวน
แต่อีกบทบาทที่สำคัญมากๆ คือการที่เอลรอนด์เป็นผู้เก็บรักษาซากดาบนาร์ซิลและแหวนแห่งบาราเฮียร์อันเป็นเครื่องหมายของผู้ครอบครองบัลลังก์แห่งกอนดอร์ ซึ่งในเวลาต่อมาได้มอบให้แก่อารากอร์น บุตรแห่งอาราธอร์น เจ้าผู้ครองนครสีขาว
ด้วยดาบนาร์ซิล (ที่ถูกตีขึ้นมาใหม่) และแหวนทำให้อารากอร์นพิสูจน์สถานะรัชทายาทของตัวเองได้ ซึ่งนอกจากจะได้เป็นผู้นำของมนุษย์ในสงครามแห่งแหวน ยังมีส่วนสำคัญในเหตุการณ์การทวงคำสาบานที่ไม่ได้รับการเติมเต็มจากกองทัพผีผู้ตระบัดสัตย์ต่อกอนดอร์ ที่เป็นกำลังสำคัญในการพลิกสถานการณ์ในช่วงหนึ่งของสงคราม
เรื่องนี้บอกอะไร? มันคือการบอกว่าเรื่องของมรดกต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องมีการวางแผนอย่างดี รอบคอบ และชัดเจน ทั้งเรื่องของเอกสาร การพิสูจน์ การเก็บรักษาพินัยกรรมที่จะต้องถูกบันทึกให้ตรงตามกับความปรารถนาของเรา ใครจะได้สิ่งใด ใครจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ต้องชัดเจน
ต่อให้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เรื่องมรดกก็ทำให้พี่น้องแตกกันมานักต่อนัก เหมือนเช่นอารากอร์นที่หากไม่มีดาบนาร์ซิลและแหวนบาราเฮียร์ก็ไม่อาจทวงคืนสิทธิ์แห่งราชบัลลังก์กอนดอร์ได้
แหวนวงที่ 9: ฟังคนผิดคิดจนตัวตาย
ตัวร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดคนหนึ่งของเรื่องคือเวิร์มทัง ผู้รับใช้แห่งซารูมาน ซึ่งได้ลอบเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้แก่กษัตริย์เธโอเดนแห่งโรฮัน และใช้อุบายในการกล่อมจนทำให้เธโอเดนหลงผิด บริหารจัดการแผ่นดินไปคนละทิศละทางกับที่ควรจะเป็น โรฮันจึงตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด
โชคดีที่สุดท้ายแล้วแกนดัล์ฟช่วยปลดปล่อยเธโอเดนจากมนตร์ของเวิร์มทังและซารูมานได้สำเร็จ จนได้กลับมากอบกู้โรฮันและเข้าร่วมสงคราม แม้ว่าจะสิ้นชีพแต่ก็เป็นการจากไปอย่างสมศักดิ์ศรี
เรื่องการหาที่ปรึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เพราะการฟังคนผิดจะทำให้เราคิดจนตัวตาย ซึ่งมันใช้ได้กับทุกเรื่องของชีวิต รวมถึงในเรื่องการเงินด้วย
จะอยากรับฟังใครสักคนที่จะคอยชี้แนะ ชี้ทางก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ ตรวจสอบประวัติแล้วไม่ด่างพร้อย มีใบรับรองด้วยก็จะยิ่งดี ดีกว่าที่จะเชื่อโค้ชผู้เก่งกาจทั้งหลายบนโซเชียลมีเดียที่บางครั้งไม่ได้เก่งจริง หรือแย่กว่านั้นเป็น ‘มิจ’ เหมือนเวิร์มทังด้วยซ้ำไป
สรุปบทเรียนแห่งแหวน
The Lord of the Rings ไม่เพียงแต่จะมอบความบันเทิง ความรู้ สุนทรียศาสตร์จากเรื่องราวอันยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์จากมันสมองของผู้ประพันธ์ J.R.R. Tolkien ที่ไม่ได้สร้างแค่เรื่องราว แต่สร้างโลกทั้งใบไปจนถึงภาษาที่ใช้ในเรื่อง
มากกว่านั้นคือบทเรียนต่างๆ ที่เราเรียนรู้ได้ ไม่เพียงแต่เรื่องของความกล้าหาญ การถ่อมตน ความรักและสามัคคี แต่ยังมีแง่คิดที่สะท้อนกลับมาในรูปแบบของบทเรียนทางการเงินได้ด้วยเช่นกัน
หวังว่าบทเรียนแห่งแหวนทั้งเก้าวงดังคำว่า ‘เก้าวงนั้นหนาแด่มนุษย์ผู้ไร้นิรันดร์’ จะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับชาวมัชฌิมโลกทุกคน
แหวนสามวงแด่กษัตริย์พรายใต้แผ่นฟ้า,
เจ็ดวงแด่เจ้าชาวแคระในท้องพระโรงศิลา,
เก้าวงนั้นหนาแด่มนุษย์ผู้ไร้นิรันดร์,
วงเดียวแด่เจ้าแห่งอสูรผู้ครองบัลลังก์ดำ
ในแดนมรณะแห่งมอร์ดอร์ที่เงานั้นยังคงอยู่
อ้างอิง:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ภาษิตที่จะทำให้คุณรู้ทันโลกการเงินในปี 2024
- ทำงานจนงง มงลงที่ใคร? ชวนรู้จัก ‘Tiara Syndrome’ เพราะยุคนี้ขยันอย่างเดียวอาจไม่พอ
- 10 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้การสร้าง ‘คอนเน็กชัน’ (ที่สำคัญกับหน้าที่การงาน) กลายเป็นเรื่องง่าย (โดยไม่ต้องฝืนใจ)