วานนี้ (26 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง ชี้แจงถึงความสัมพันธ์ภายใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า 8 พรรคร่วมฯ เข้าใจดีถึงการเลื่อนประชุมของพรรคเพื่อไทย มีเหตุผลเรื่องความคืบหน้าของการรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะ ส.ว. หลายคนรับปากว่าจะช่วยโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากฝั่ง 8 พรรคร่วมฯ ในครั้งหน้า
วสวรรธน์ระบุว่า ตอนนี้ตัวเลข 312 เสียงของ 8 พรรคร่วมฯ คือทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ ยังคงจับมือกันอย่างเหนียวแน่น มีทั้งความหวังและความพยายามเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
“ผมไม่มีวันทิ้งพรรคก้าวไกลและ 8 พรรคร่วมฯ อยู่แล้ว เรายังอยู่ด้วยกัน และไม่อยากให้มีการพูดว่าผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน การทำเช่นนั้นก็เหมือนผลักประชาชนไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเลือกมา 14 ล้านเสียง” วสวรรธน์กล่าว
เมื่อถามถึงการปรับ MOU ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย โดยยังอยู่ใน 8 พรรคร่วมฯ เดิมนั้น วสวรรธน์กล่าวว่า ทั้ง 8 พรรคต้องมาระดมสมองว่าจะแก้แบบไหน อย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ได้มีความจำเป็นต้องแก้ เพราะเนื้อหายังเป็นแบบเดิม และลงนามไปแล้ว เอาเวลาในการแก้ MOU ไปทำยุทธศาสตร์ในการหาคะแนนเสียง ส.ว. หรือ ส.ส. เพิ่มดีกว่า
“เข้าใจได้ว่าพรรคเพื่อไทยเดินเกมเร็ว นอกจากมินต์ช็อกแล้ว ประชาชนก็ช็อกด้วย ผมก็ช็อกเหมือนกัน แต่เข้าใจว่ามีข้อจำกัดทางเวลาที่น้อย อาจเป็นสิ่งที่ผิดพลาดไปนิดหนึ่ง ก็ให้กำลังใจทางพรรคเพื่อไทย ทั้ง 8 พรรคไม่อยากจะเลือกข้างกันเชียร์ เพราะจะเป็นจุดอ่อนและเปิดโอกาสจากฝั่งตรงข้ามเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย” วสวรรธน์กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องรวมเสียงจากพรรคการเมืองต่างขั้วจริงๆ พรรคมีเงื่อนไขหรือไม่ วสวรรธน์กล่าวว่า ตามที่พี่ใหญ่ 2 คนบอกว่า “มีลุงไม่มีเรา” ทำให้เป็นการขีดเส้นว่าจะเดินหน้าอย่างไร และกุมชะตาเราอยู่ ก็ต้อง “มีเราไม่มีลุง” และพรรคก็ยึดมั่นในจุดยืนประชาธิปไตยมาตั้งแต่ก่อตั้ง