วันนี้ (8 มิถุนายน) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการพิจารณากรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 8 ราย ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 4 ราย คือ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส. พัทลุง, นาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ, สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส. บุรีรัมย์ และ ภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส. พัทลุง พรรคพลังประชารัฐ 3 ราย คือ ภริม พูลเจริญ ส.ส. สมุทรปราการ, ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กทม. และ ทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคพลังท้องถิ่นไท 1 ราย คือ โกวิทย์ พวงงาม ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ฉลอง, ภูมิศิษฏ์ และนาที กรณีเสียบบัตรแทนกันระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช. จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช. จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรง
ขณะที่ภริมและทวิรัฐ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ไม่มีพฤติการณ์ เนื่องจากพยานระบุว่าเห็นแค่ถือบัตร 2 ใบ แต่ไม่เห็นว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน จึงไม่ผิดทั้งอาญาและไม่ผิดจริยธรรม แต่ผิดเฉพาะข้อบังคับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งเรื่องไปยังประธานรัฐสภาดำเนินการ
ส่วนอีก 2 รายคือ สมบูรณ์และโกวิทย์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูล ธนิกานต์ กรณีฝากบัตรให้ผู้อื่นเสียบแทนระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 แม้ธนิกานต์จะอ้างว่า เหตุที่ไม่อยู่ในห้องประชุม เพราะไปร่วมงานเสวนารายการหนึ่งที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่เหตุผลไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ จึงมีมติชี้มูลในความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช. จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช. จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรง
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล