น้อยคนนักจะไม่รู้จักนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุคนาม Timothée Chalamet ที่ฝากผลงานการแสดงมาแล้วมากมายผ่านภาพยนตร์คุณภาพหลายเรื่อง เช่น Dune ที่เขาประกบคู่กับนักแสดงสาวดาวรุ่งอีกคนอย่าง Zendaya หรือจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เขาแจ้งเกิด และเป็นที่รักของหลายคนชั่วข้ามคืนอย่าง Call Me by Your Name ในบทของ Elio Perlman
นอกจากงานแสดงที่นับวันจะน่าประทับใจขึ้นเรื่อยๆ Timothée Chalamet ยังได้ชื่อว่าเป็น ‘Style Icon’ ของคนรุ่นใหม่ด้วยวัยเพียง 26 ปี ซึ่งเขาก็ชื่นชอบแฟชั่นและกล้าที่จะฉีกขนบการแต่งตัวมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะงานพรมแดงสำคัญต่างๆ ที่เขามักจะติดโพล Best Dressed ทุกครั้งที่เข้าร่วมงาน แถมการันตีด้วยการเป็นผู้ชายคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นปกเดี่ยวนิตยสาร British Vogue อีกด้วย
ความกล้าแต่ไม่บ้าเกินงามของเขาทำให้สไตล์ของเขาดูสนุก สดใหม่ และท้าทายสายตาหลายๆ คน ซึ่งเขาขยายกรอบการแต่งตัวของผู้ชายให้กว้างมากกว่าแค่การใส่สูทผูกไท
และด้วยเหตุนี้เอง THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจถึง 7 ปัจจัยที่ทำให้ Timothée Chalamet ถูกขนานนามว่าเป็นอีกหนึ่งผู้นำด้านแฟชั่นแห่งยุค
UNIQUE PRESENCE
หลายคนอาจมองว่า Timothée Chalamet เป็นนักแสดงหน้าตาหล่อ แต่ถ้าพูดกันตรงๆ แล้วนั้น เขาอาจไม่ได้หล่อตามพิมพ์นิยมขนาดนั้น หนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศสโครงหน้าชัดเริ่มต้นอาชีพการแสดงจากซีรีส์เรื่องดัง Homeland ก่อนจะก้าวเข้าสู่สถานะนักแสดงจอเงินในเวลาถัดมา Timothée Chalamet มีรูปร่างที่ค่อนข้างผอม และมีผมหยักศกที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา แน่นอนว่าตรงนี้แหละที่กลายเป็นจุดเด่นของเขาหลังจากที่เริ่มเป็นที่รู้จักผ่านงานแสดงเด่นๆ อย่าง Lady Bird และ Call Me by Your Name ที่อย่างหลังส่งให้เขาเข้าชิงออสการ์ในรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม เราชอบที่เขาไม่ได้พยายามที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองตามพิมพ์นิยม เช่น เล่นกล้าม หรือทำให้ผมตรง จุดนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ส่งให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องพยายามเลย
BREAKING TRADITIONS
จริงๆ แล้ว Timothée Chalamet ใช้เวลาพักใหญ่ในการค้นพบสไตล์ของตัวเอง เริ่มต้นอาชีพนักแสดงเขาเองไม่ต่างจากนักแสดงชายคนอื่นๆ ที่มักใส่สูทผูกไทออกงาน เน้นความเรียบโก้ในแบบฉบับธรรมเนียมการแต่งตัวที่ดีของผู้ชายปกติ แต่หลังจากที่เขาเริ่มมีโอกาสได้รู้จักคนในวงการแฟชั่น รวมถึงได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ ทำให้เขาค่อยๆ พัฒนาการแต่งตัวและฉีกตัวเองจากกรอบอย่างสิ้นเชิง ในปี 2018 เขาปรากฏตัวบนพรมแดงที่งานออสการ์ด้วยชุดสูทขาวล้วนจาก Berluti ที่ดูหล่อปกติ แต่ในปี 2020 เขากลับมาอีกครั้งในชุดแจ็กเก็ตไนลอนจาก Prada ที่ดูชิลกระชากลุคงานทางการแบบสุดทาง เช่นเดียวกับปี 2022 ที่เขามาในลุคสูทกลิตเตอร์ไร้กระดุมโชว์ผิวจาก Louis Vuitton นั่นก็ฉีกขนบกว่าเดิมไปอีก ความกล้าแต่ไม่บ้าของเขาดูสนุก และสร้างสีสันให้กับการแต่งกายของผู้ชายให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่หลากหลายมากขึ้น
STYLING HIMSELF
เห็นแต่งตัวเปรี้ยวซ่าแบบนี้บอกก่อนว่าเขาไม่ได้ใช้หรือมีสไตลิสต์ประจำตัวแบบเซเลบริตี้คนอื่นๆ เขามักร่วมงานกับดีไซเนอร์ที่ตนเองชื่นชอบโดยตรงอย่าง Haider Ackermann, Virgil Abloh ที่ Louis Vuitton หรือ Sarah Burton ที่ Alexander McQueen สามแบรนด์ที่เขามักสวมใส่ตลอดเวลา ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าสไตล์ของเขานั้นค่อนข้างชัด เช่น สูทสไตล์เข้ารูป ชิ้นงานเทเลอร์เก๋ๆ ที่ไม่เนี้ยบจนเกินไป คือไอเท็มโปรดที่เรามักเห็นเขาสวมใส่ตลอดเวลา ช่วงหลังๆ เขาอาจเรียกใช้ Erin Walsh เซเลบริตี้สไตลิสต์ชื่อดังที่มีลูกค้าประจำอย่าง Anne Hathaway มาช่วยบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว Timothée มักยึดจากสิ่งที่เป็นตัวเขามากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นคนที่ชัดเจนในสไตล์ของตัวเองมากๆ
HAIDER ACKERMANN’S MUSE
สาเหตุที่ Timothée Chalamet ไม่ใช้สไตลิสต์ประจำตัวอาจเป็นเพราะว่าเขามักให้เพื่อนและดีไซเนอร์ประจำอย่าง Haider Ackermann เป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับอีเวนต์สำคัญๆ ให้เขา เราจะเห็นว่าทั้งคู่ชอบท้าทายขนบการแต่งตัวผ่านการคอลแลบด้วยกัน เช่น ชุดสูทสีขาวกางเกงสไตล์ฮาเร็มที่เขาแมตช์กับรองเท้า Converse ในงาน Met Gala ในปี 2021 ที่เขารับหน้าที่เป็น Co-Chair ของงาน หรือจะเป็นสูทสีเทาควันในงานพรีเมียร์ภาพยนตร์เรื่อง The King ที่เขาพับขากางเกงขึ้นมา ภาพจำชุดเนี้ยบๆ บนพรมแดงถูกทั้งสองตีแตกกระจายจนเกิดเป็นความสนุกในการแต่งตัว และเซอร์ไพรส์จากการที่ทั้งคู่ร่วมงานกันเสมอ
CARTIER AMBASSADOR
ไฮโปรไฟล์ขนาดนี้แต่เรากลับไม่ค่อยเห็น Timothée Chalamet ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือถ่ายแคมเปญให้แบรนด์แฟชั่นเลย ไม่ใช่อะไรเลยแต่เขาเลือกที่จะไม่ผูกติดภาพลักษณ์ของตัวเองกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง และอยากโฟกัสในฐานะของนักแสดงมากกว่านายแบบ อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ Cartier เท่านั้นที่สามารถแต่งตั้งให้เขาเป็น Friend of Brand ได้ หลังจากเคยร่วมงานกับเขาหลายต่อหลายงาน ด้วยภาพลักษณ์ที่มั่นใจเป็นตัวของตัวเอง และชัดในสิ่งที่ชอบตรงใจกับ Cartier เป็นอย่างมาก สำหรับการเป็นพาร์ตเนอร์ครั้งนี้เราอาจยังไม่ได้เห็นเขาปรากฏบนแคมเปญแต่อย่างใด แต่จะเป็นการใส่เครื่องประดับของแบรนด์ตามงานสำคัญๆ เสียมากกว่า อารมณ์ศิลปินสุดๆ หนุ่มคนนี้
STREET STYLE VIBES
นอกจากสไตล์เฉียบคมบนพรมแดงแล้วนั้น สไตล์ส่วนตัวหรือสตรีทสไตล์ของ Timothée Chalamet กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง สไตล์ของเขารีแล็กซ์และสบายมากๆ เมื่อเทียบกับลุคบนพรมแดง เขามักใส่เสื้อผ้าสบายตัว และแมตช์ด้วยแจ็กเก็ตกับผ้าใบมากกว่าใส่สูทคมๆ แบบที่เราคุ้นตา นอกจากความชิลแล้วนั้น เขามักผสมสไตล์แนวดนตรีที่เขาชอบอย่างฮิปฮอปกับเสื้อผ้าโคร่งๆ หรือแนวกรันจ์ที่บางทีเราก็เห็นเขาแต่งตัวขาสั้นแมตช์กับรองเท้าบู๊ตก็มี ถือเป็นการถอดภาพลักษณ์หนุ่มไฮแฟชั่นสู่เด็กหนุ่มเท่ๆ คนหนึ่ง
DEFINING NEW MASCULINITY
งานเวนิสฟิล์มเฟสติวัลที่ผ่านมาครั้งนี้ Timothée Chalamet สร้างเฮดไลน์อีกครั้งกับสไตล์ของเขาบนพรมแดง เมื่อเขาเลือกจัมป์สูทคล้องคอสีแดงอัญมณีของดีไซเนอร์คู่ใจ Haider Ackermann (ภาพเปิดบทความ) ในงานพรีเมียร์ภาพยนตร์ Bones and All ที่เขาแสดงนำ ความเปรี้ยวของลุคนี้นอกจากช่วงบนของชุดนี้จะเปลือยหลังแล้วนั้น แต่คือการตีความสไตล์ของผู้ชายในยุคใหม่อีกด้วย กระแส Gender-Neutral กำลังเป็นที่ถกเถียงเป็นวงกว้าง การที่ Timothée ปรากฏตัวบนลุคนี้ถือเป็นการย้ำถึงความสำคัญเรื่อง ‘ตัวตน’ มากกว่าเพศภาพ ซึ่งจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ทลายกรอบแบบนี้ครั้งแรก แต่แค่ครั้งนี้ชุดนี้แรงที่สุดในบรรดาที่เขาเคยใส่มาเท่านั้นเอง ในงานเดียวกันปีที่แล้ว เขาปรากฏในชุดสูทไหล่ตั้งกลิตเตอร์ทั้งตัว หรืองานโปรโมตภาพยนตร์ที่เขาเลือกสวมสูทลายพิมพ์หลากสีทั้งตัวจาก Stella McCartney ถือเป็นตัวอย่างที่ดี การที่เขาพยายามขยายกรอบการแต่งตัวของผู้ชายเป็นเรื่องสำคัญและน่าชื่นชมมาก เขาคืออกระบอกเสียงของผู้ชายยุคใหม่อย่างแท้จริง ที่สามารถไหลลื่นได้ และไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเสมอไป
ภาพ: Getty Images