หนึ่งในเครื่องประดับที่หลายคนหมายปองอยากจะครอบครองสักหนึ่งชิ้น นั่นก็คือสัญลักษณ์ ‘ใบโคลเวอร์สี่แฉก’ ตัวแทนความโชคดีจากแบรนด์ Van Cleef & Arpels แบรนด์เครื่องประดับที่มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยเกิดจากคู่รักในแวดวงจิวเวลรีที่ตัดสินใจสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาด้วยกัน
ในปัจจุบัน Van Cleef & Arpels ยังเป็นที่รักและใฝ่ฝันของใครหลายคน รวมถึงเซเลบริตี้แถวหน้าระดับโลกที่ต่างหลงใหลความประณีตในการรังสรรค์เครื่องประดับแต่ละชิ้น แม้จะมีอายุนับร้อยปีแต่มุมมองงานดีไซน์ของเครื่องประดับยังคงไว้ซึ่งงานคราฟต์ระดับสูงแต่ปรับเปลี่ยนมุมมองให้ดูร่วมสมัยขึ้นตามกาลเวลา
วันนี้ THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์ Van Cleef & Arpels มากขึ้น
HOW THE BRAND STARTED
Van Cleef & Arpels เป็นแบรนด์ที่เกิดจากความรักระหว่าง Estelle Arpels ลูกสาวพ่อค้าขายพลอย และ Alfred Van Cleef ลูกชายจากตระกูลนักเจียระไนอัญมณี หลังจากที่ตกหลุมรักและแต่งงานกันในเวลาต่อมา ด้วยพื้นฐานครอบครัวของทั้งสองทำงานในแวดวงเครื่องประดับอยู่แล้ว การแต่งงานกันครั้งนี้เพื่อเสริมให้ธุรกิจของทั้งสองครอบครัวแข็งแรงขึ้น แต่แล้วในที่สุดทั้งสองได้ตัดสินใจเปิดแบรนด์เครื่องประดับเป็นของตัวเองขึ้นในปี 1906 ซึ่งมีชื่อว่า Van Cleef & Arpels โดยเป็นการนำชื่อสกุลของทั้งสองตระกูลมาใช้นั่นเอง ในช่วงแรกงานดีไซน์ของทั้งสองยังไม่มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำมากนัก จนกระทั่งช่วงปี 1920 ทั้งคู่เริ่มนำทองคำขาวและรูปทรงเรขาคณิตมาใช้ในการออกแบบจึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบกับการนำเอาวัฒนธรรมจากอียิปต์และธรรมชาติมาใช้ในงานดีไซน์จนได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากลูกค้า
EMPRESS FARAH PAHLAVI CROWN
หนึ่งในไฮไลต์ของแบรนด์ Van Cleef & Arpels เกิดขึ้นในปี 1966 เมื่อแบรนด์ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้ทำมงกุฎให้กับจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน Farah Pahlavi ในวันสถาปนาคู่อภิเษกของเจ้าชาย Mohammad Reza Pahlavi ซึ่งมงกุฎนี้ใช้เวลาทำร่วม 6 เดือน โดย Alfred ต้องเดินทางไปกลับระหว่างฝรั่งเศสและเมืองเตหะรานอยู่หลายครั้ง และมงกุฎนี้ยังใช้อัญมณีเก่าแก่ซึ่งเป็นสมบัติประจำประเทศอิหร่านอีกด้วย มงกุฎนี้ประกอบไปด้วยมรกตทั้งหมด 36 ชิ้น พลอยและทับทิม 36 ชิ้น ไข่มุก 105 ชิ้น และเพชรกว่า 1,469 ชิ้น นอกจากมงกุฎแล้ว Van Cleef & Arpels ยังรังสรรค์ต่างหู เข็มกลัด และสร้อยคอ เข้าคู่กันให้กับจักรพรรดินี Farah อีกด้วย ชิ้นงานไอคอนิกที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของ Van Cleef & Arpels มากขึ้น
ALHAMBRA COLLECTION
จุดเปลี่ยนของ Van Cleef & Arpels เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 1968 เมื่อแบรนด์ได้ให้กำเนิดคอลเล็กชัน Alhambra โดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบโคลเวอร์ 4 แฉก สัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่ทำขึ้นจากเปลือกหอยและดีไซน์ให้ออกมาเป็นสร้อยคอชิ้นแรกของแบรนด์ คอลเล็กชัน Alhambra ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างและจดจำไปทั่วโลกด้วยงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่เรียบหรูด้วยวิธีการผลิตอย่างประณีต ความโด่งดังของคอลเล็กชันนี้ยังส่งไปถึงคนดังจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Grace of Monaco, Françoise Hardy และ Romy Schneider ยิ่งส่งให้คอลเล็กชัน Alhambra ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก ปัจจุบันคอลเล็กชัน Alhambra ถือเป็นหนึ่งในไอคอนคอลเล็กชันจาก Van Cleef & Arpels ที่ไม่ได้มีแค่สร้อยคอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
OTHER SIGNATURE LINES
ปัจจุบัน Van Cleef & Arpels มีคอลเล็กชันมากมาย ทั้งไลน์ High Jewelry หรือเครื่องประดับชั้นสูง ที่มีตั้งแต่รุ่นคลาสสิก ไปจนถึง Le Grand Tour, Butterflies และ Pierres de Caractère นอกจาก Alhambra ที่โด่งดังแล้ว ไลน์เครื่องประดับของ Van Cleef & Arpels ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันยังมีดีไซน์อื่นๆ ด้วย เช่น Frivole, Flora, Zodiaque, Fauna และ Perlée รวมถึงคอลเล็กชันนาฬิกา ของตกแต่งบ้าน และวันแต่งงาน
L’ÉCOLE SCHOOL OF JEWELRY ARTS
ด้วยความเชื่อในเรื่อง Craftsmanship และประสบการณ์การส่งต่อระหว่างมนุษย์ด้วยกัน Van Cleef & Arpels จึงก่อตั้ง L’ÉCOLE School of Jewelry Arts ขึ้นมาในปี 2012 ณ Place Vendôme ปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีจุดประสงค์ที่อยากจะเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะของเครื่องประดับให้คนทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เพราะคอร์สการเรียนที่นี่ไม่ได้มุ่งเน้นวิชาขั้นสูงสำหรับนักทำจิวเวลรี แต่เป็นคอร์สสำหรับนักเรียนหรือบุคคลธรรมดาทั่วไปที่สนใจอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องประดับมากขึ้น ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ อัญมณีศาสตร์เบื้องต้น ไปจนถึงทักษะเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับการผลิตและการวิเคราะห์คุณภาพ ซึ่งแต่ละคอร์สจะสอนโดยผู้ชำนาญการในแต่ละแขนง ตั้งแต่ช่างฝีมือ นักออกแบบเครื่องประดับ นักประวัติศาสตร์ศิลปะ และอีกมากมาย เพื่อต่อยอดให้ศาสตร์ของจิวเวลรีสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
DANCE REFLECTIONS INITIATIVE
อีกหนึ่งโครงการที่ Van Cleef & Arpels มีส่วนร่วมในการสนับสนุนศิลปะคือ Dance Reflections โครงการอุปถัมภ์และเชิดชูศิลปะแขนงนาฏกรรมร่วมสมัย ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2020 เพื่อส่งเสริมศิลปะการเต้น สร้างพื้นที่ให้กับนักออกแบบท่าเต้นจากทั่วโลกได้มีโอกาสนำงานศิลปะของตัวเองมาถ่ายทอด รวมถึงสถาบันนาฏกรรมต่างๆ ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อแสดงผลงานและถ่ายทอดศิลปะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว โครงการนี้จัดขึ้นมาแล้วหลายที่ ตั้งแต่ลอนดอน ลอสแอนเจลิส ฮ่องกง นิวยอร์ก และเกียวโต ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงนาฏศิลป์แล้ว ยังเป็นพื้นที่เวิร์กช็อปและพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ของนักเต้นอีกด้วย
ICONIC FRAGRANCES
ในปี 1976 เป็นครั้งแรกที่ Van Cleef & Arpels ได้นำเสนอน้ำหอมตัวแรกของแบรนด์ในชื่อ First โดยได้นักปรุงน้ำหอมชื่อดังอย่าง Jean-Claude Ellena มาช่วยรังสรรค์กลิ่นสุดพิเศษให้กับแบรนด์ น้ำหอมรุ่นนี้ยังถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมรุ่นแรกๆ ที่ทำขึ้นภายใต้แบรนด์เครื่องประดับ จนกระทั่งในปี 2009 แบรนด์ได้ผลิตซีรีส์น้ำหอมเซ็ตใหม่ขึ้นมาอีกครั้งในชื่อ The Collection Extraordinaire ที่มาพร้อมกลิ่นให้เลือกมากกว่า 18 กลิ่น รวมถึงเทียนหอมที่มีให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน คอลเล็กชันนี้ถือเป็นการต่อยอดไลน์น้ำหอมที่ไม่ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องมานาน โดยยังยึดแนวคิดแบบนักออกแบบเครื่องประดับ คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดก่อนจะค่อยๆ ปรุงกลิ่นขึ้นมา เพื่อให้ทุกกลิ่นทรงคุณค่ามากที่สุดนั่นเอง