วันนี้ (6 มิถุนายน) ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาว่า ปกติมีแผนซักซ้อมเรื่องการอพยพอยู่แล้วเพื่อเตรียมความพร้อม จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ ใน 7 จังหวัดติดชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะไม่มีสถานการณ์ ก็มีการซักซ้อมเป็นปกติอยู่แล้ว และหากสถานการณ์บานปลาย สามารถอพยพได้ทันที ในพื้นที่มีการแบ่งความรับผิดชอบ ส่วนหลุมหลบภัย ยืนยันว่ามีจำนวนเพียงพอ แต่ต้องกำหนดจุดว่าหากต้องอพยพต้องออกจากจุดใด เพราะบางหมู่บ้านหลุมหลบภัยก็มีไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะลงพื้นที่ภายหลังเดินทางกลับจากภารกิจต่างประเทศ พร้อมทั้งยอมรับว่าทุกจุดมีความเสี่ยงทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เท่านั้น เพราะทางกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศแจ้งเตือนไปทั้ง 7 จังหวัด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอพยพเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ ออกจากพื้นที่ไปบ้างแล้วใช่หรือไม่ อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่า แล้วแต่พื้นที่จะพิจารณา หากเห็นว่ามีความเสี่ยงก็อพยพได้ ส่วนพื้นที่เกาะกูด จังหวัดตราด ที่มีการซักซ้อมกลางทะเล โดยใช้กระสุนจริงของกองทัพเรือกัมพูชา เป็นการดำเนินการอยู่ในพื้นที่ของเขา
อธิบดีกรมการปกครองกล่าวย้ำถึงขวัญและกำลังใจของประชาชนในพื้นที่ว่า 100% แต่ก็ต้องตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท ในพื้นที่ประเทศไทยทุกคนต้องมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ของภาครัฐและเอกชน ส่วนการจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อธิบดีกรมการปกครองระบุว่า ถือเป็นกำลังของคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการฝึกแล้วมาดูแลประชาชน รวมถึงอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนอนาคตหากมีการปิดด่าน อธิบดีกรมการปกครองระบุว่า ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล