ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาทว่าคลังจะเปิดให้ทบทวนสิทธิ์กลุ่มคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ในวันนี้ 20 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เท่านั้น และหลังจากยื่นทบทวนสิทธิ์เพียง 1 วัน กระทรวงการคลังจะนำข้อมูลผู้ขอทบทวนสิทธิ์แยกเป็นจังหวัดและส่งข้อมูลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยจะมีการส่งทีมไปตรวจสอบผู้ขอทบทวนสิทธิ์ แม้ทำงานในกรุงเทพฯ และกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด เพราะสถานประกอบการในกรุงเทพฯ ถูกสั่งปิด สามารถนัดทีมตรวจสอบไปพบที่ต่างจังหวัดได้
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเตรียมคือรูปถ่ายหรือหลักฐานในการแสดงให้เห็นว่าเดือดร้อนจากโควิด-19 เช่น รูปถ่ายในร้านที่เคยทำงาน หากไม่มีสามารถใช้ค่าเช่าแผง ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำงานยังสถานที่ประกอบการถูกสั่งปิดจากโควิด-19 จริง
ลวรณกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จะมีการติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อส่งรูปถ่าย 3 ภาพมายังส่วนกลาง ประกอบด้วย ภาพของผู้ทบทวนสิทธิ์ ภาพบัตรประชาชน ภาพร้านค้าหรือการทำงาน หรือรูปที่ผู้ทบทวนสิทธิ์เคยถ่ายรูปร้านค้า หรือใช้เอกสารจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า เพื่อให้เป็นหลักฐานในการขอทบทวนสิทธิ์ ถ้าสามารถนัดไปสถานที่ทำงานได้จริงจะจบง่ายกว่า เพราะมี 3 ภาพถ่ายชัดเจน หากใครมี 3 ภาพที่ระบุไว้ให้รอฟังผลการคืนสิทธิ์จากส่วนกลาง
สำหรับผู้ประสงค์ขอทบทวนสิทธิ์ ขอให้ท่านรีบกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ไม่จำเป็นต้องมาที่กระทรวงการคลัง โดยในระยะแรกนี้จะเปิดกว้างสำหรับทุกกลุ่มที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรองก่อน และในระยะต่อไปจะขยายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้กดยกเลิกการลงทะเบียนโดยความเข้าใจผิดด้วย กลไกการทบทวนสิทธิ์จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียน
ในส่วนของการโอนเงินเยียวยา ลวรณกล่าวว่าผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะยังได้รับเงินเยียวยาครบทั้ง 3 เดือน เนื่องจากการให้เงินเยียวยาจะใช้วันลงทะเบียนในการเริ่มนับสิทธิ์ ดังนั้นการทบทวนสิทธิ์ไม่กำหนดระยะเวลาอาจต้องใช้เวลาพิจารณา และหากทราบผลการพิจารณาในเดือนพฤษภาคม ผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะได้รับเงินเยียวยาครั้งแรกจำนวน 10,000 บาท เพราะได้รวมเงินเยียวยา 5,000 บาทของเดือนเมษายนด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์