×

เมื่อโลกภาพยนตร์ของ (500) Days of Summer เดินทางมาบรรจบกับโลกดนตรีสุดอมตะของ The Smiths

17.07.2024
  • LOADING...

“I love The Smiths”

“Sorry?”

“I said I love The Smiths” 

 

หลายคนคงคุ้นเคยกับฉากบทสนทนาสั้นๆ ในลิฟต์ของภาพยนตร์เรื่อง (500) Days of Summer ที่ในปีนี้เวียนมาบรรจบครบปีที่ 15 แล้ว แต่ผู้คนก็ยังพูดคุยถึงฉากสุดไอคอนิกนี้กันอยู่เรื่อยๆ ทั้งในแง่ของความน่ารักที่ตัวละครทอมและซัมเมอร์มาพบเจอกันเหมือนกับชะตาลิขิต หรือจะเป็นในเชิงความอมตะของวง The Smiths ที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ด้วยก็ตาม ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากชวนคุณมาย้อนรอยถึงภาพยนตร์โรแมนติกเรื่องนี้ พร้อมทั้งส่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเพลงของ The Smiths กันอีกสักครั้ง

 

“ทุกความสัมพันธ์มีเพลงประกอบเป็นของตัวเอง” นั่นคือสิ่งที่ Marc Webb ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เคยกล่าวไว้ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขาได้ทำในวงการภาพยนตร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอให้กับวงร็อกอย่าง My Chemical Romance และ Green Day นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงยกเพลงมาเป็นส่วนสำคัญในการถ่ายทอดเรื่องราวความรักหวานอมขมกลืนระหว่าง ทอม และ ซัมเมอร์ นั่นเอง

 

 

โดยเฉพาะกับวงร็อกสัญชาติอังกฤษอย่าง The Smiths ที่ภาพยนตร์หยิบเพลง There Is a Light That Never Goes Out มาใช้ในฉากที่ทอมกำลังฟังเพลงอยู่ในลิฟต์ แต่เพลงดันลอดออกไปนอกหูฟัง แล้วซัมเมอร์ที่เพิ่งเข้ามาในลิฟต์ก็ชมทอมว่ามีรสนิยมการฟังเพลงที่ดี ก็กลายเป็นภาพจำของภาพยนตร์ไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าจะเป็นบทสนทนาที่ดูเรียบง่าย แต่กลับทำให้ใครหลายคนอยากทำความรู้จักกับวงร็อกระดับตำนานแห่งยุค 80 กันมากขึ้นด้วย

 

Scott Neustadter ผู้เขียนบท เคยให้สัมภาษณ์ว่า การที่พวกเขาทำฉากฟังเพลงนี้ขึ้นมาก็ทำเอาโดนวิจารณ์หนักเหมือนกันว่าคล้ายคลึงกับภาพยนตร์เรื่อง Garden State แต่ความจริงแล้วพวกเขาแค่อยากแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองตัวละครมีอะไรที่ชอบคล้ายกัน เพราะเวลาที่คนชอบวง The Smiths บอกคนอื่นที่ชอบวงนี้เหมือนกันก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แค่พูดชื่อวงก็เป็นอันเข้าใจว่ามีรสนิยมแบบเดียวกัน และนั่นก็อาจนำไปสู่ความรักได้ดังที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์นั่นเอง

 

 

นอกจากเพลงนี้แล้ว ทีมงานก็ยังเลือกเพลงอื่นๆ ของวงมาใช้อย่างเพลง Please, Please, Please, Let Me Get What I Want รวมทั้งเพลงฮิตของศิลปินคนอื่นๆ อีกมากมาย เพราะถ้าหากเราไปเปิดดูซาวด์แทร็กประกอบเรื่องนี้จะเจอทั้งเพลง She’s Got You High ของ Mumm-Ra, You Make My Dreams (Come True) ของ Daryl Hall & John Oates, Sweet Disposition จาก The Temper Trap และอีกนับสิบเพลงที่การันตีได้ว่ารสนิยมการเลือกเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก เพราะนอกจากจะติดหูแล้ว อารมณ์ความรู้สึกก็ยังไปกันได้ดีกับตัวละคร และชวนให้ผู้ชมอินตามเรื่องราวได้อย่างเพลิดเพลิน 

 

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น Scott Neustadter ก็ยังบอกว่า การที่จะได้เพลงต่างๆ มาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงบประมาณภาพยนตร์ไม่มากพอที่จะซื้อเพลงที่อยากได้ทั้งหมดมาใช้อย่างถูกลิขสิทธิ์ บางเพลงที่อยากได้ก็ไม่สามารถซื้อมาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอาศัยวิธีการเขียนจดหมายหาคนในวงการ ไม่ว่าจะ Morrissey และ Johnny Marr แห่งวง The Smiths ซึ่งแม้ว่าจะต้องติดต่อคนมากมายอยู่นาน แต่เขาก็บอกว่ามันคุ้มค่าแล้วที่ได้เพลงเหล่านี้มาประกอบภาพยนตร์ในที่สุด

 

 

อย่างไรก็ตาม เราสามารถกล่าวได้ว่า การที่พวกเขาเลือกเพลงของ The Smiths มาใช้ก็นับเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด เพราะเพลง There Is a Light That Never Goes Out หลอมรวมกับ (500) Days of Summer อย่างสมบูรณ์ และฉากนี้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของโลกป๊อปคัลเจอร์ไปแล้ว เพราะถ้าหากคุณนึกถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งต่อมาที่คุณจะคิดถึงก็จะเป็นฉากฟังเพลงที่ลิฟต์ของทอม และภาพของซัมเมอร์ สาวสวยนัยน์ตาสีฟ้า ยืนฮัมเพลงท่อนที่ร้องว่า “To die by your side is such a heavenly way to die.” (การได้ตายเคียงข้างคุณคงเป็นวิธีที่งดงามที่สุดที่จะจากไป) และคงจะปรากฏคู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ไปอีกนานเลยทีเดียว 

 

ภาพ: Twentieth Century Fox Film Corporation

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising