รัฐบาลสหรัฐฯ เผย มีมากกว่า 50 ประเทศขอเจรจากับทรัมป์เสนอยกเว้นและขอผ่อนผันภาษีนำเข้า พร้อมไขข้อสงสัยว่าทำไมมาตรการภาษีครอบคลุมไปถึงแอนตาร์กติกา เกาะที่มีแต่เพนกวินอาศัยอยู่ เพราะตั้งใจสกัดจีนและประเทศอื่นใช้เป็นช่องทางเลี่ยงภาษี
นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าหลายประเภท ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สูญเสียมูลค่าไปประมาณ 6 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ถึงแม้จะเกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเดินหน้าสานต่อนโยบายนี้ โดยชี้ว่ามาตรการภาษีถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้นำในระบบการค้าระดับโลก และอาจช่วยให้สหรัฐฯมีอำนาจต่อรองกับ หลายๆ ประเทศมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า ตอนนี้มีมากกว่า 50 ประเทศ เริ่มติดต่อเข้ามาขอเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับทรัมป์โดยตรง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีประเทศไหนบ้าง เพราะค่อนข้างเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยยอมรับว่าการเจรจากับหลายประเทศอาจสร้างความท้าทายและเพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวต่อไปว่า แม้ตลาดหุ้นจะดิ่งลง แต่การคาดการณ์ว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยนั้นยังห่างไกลความเป็นไปได้อยู่มาก สะท้อนจากตัวเลขการจ้างงานในที่มีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ด้าน เควิน แฮสเส็ตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ปฏิเสธว่านโยบายขึ้นภาษีนำเข้าไม่ใช่กลยุทธ์ที่ต้องการกดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ให้ลดอัตราดอกเบี้ย และเราจะไม่มีการแทรกแซงหรือกดดันการทำงานของธนาคารกลางแน่นอน
นอกจากนี้ ฝั่งรัฐมนตรีสหรัฐฯ ยังถูกตั้งคำถามว่า ทำไมนโยบายภาษีถูกนำไปใช้กับเกาะที่ไม่มีคนอาศัยในแอนตาร์กติกา ซึ่งมีเพียงนกเพนกวินอาศัยอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ที่ไม่ใช่แหล่งการค้า โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า เราจำเป็นต้องใช้นโยบายให้ครอบคลุม เพื่อไม่ให้จีนหรือประเทศอื่นใช้เป็นช่องทางหลบเลี่ยงภาษี
ทั้งนี้ จะเห็นว่ามีหลายประเทศได้ขอเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ ไล่ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน เสนอยกเว้นภาษีนำเข้า 0% พร้อมบอกว่าไต้หวันจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ มากขึ้น ตามด้วย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของประเทศอิสราเอล ขอผ่อนผันภาษีนำเข้าสินค้าจากอิสราเอลในอัตรา 17%
ส่วนรัฐบาลอินเดียระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน และยังไม่มีแผนจะตอบโต้ต่อมาตรการเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 26% ขณะที่ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีประเทศอิตาลี ระบุว่า จะปกป้องธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากแผนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปในอัตรา 20%
นักเศรษฐศาสตร์จาก JPMorgan คาดว่า หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ที่เมื่อไม่นานมานี้จีนได้ตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน หลายฝ่ายกังวลว่าจะนำไปสู่สงครามการค้าและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจทำให้ GDP ของสหรัฐฯ ลดลง 0.3% และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.3%
ถึงกระนั้นท่ามกลางตลาดการเงินทั่วโลกที่เผชิญกับความผันผวนจากผลกระทบของนโยบายภาษีสหรัฐฯ อย่างหนัก แต่ทางฝั่งทรัมป์ยังใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ตีกอล์ฟที่รัฐฟลอริดา และโพสต์คลิปวิดีโอผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเองเพื่อแสดงจุดยืนทางการค้า
อ้างอิง: